‘บิ๊กต๊ะ’ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) ที่เพิ่งจะเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน ชื่อนี้คงคุ้นหู ทั้งในวงการตำรวจและวงการการเมือง
โดยเฉพาะม็อบ 3 นิ้ว ที่รู้จักชื่อ พล.ต.ท.ปิยะเป็นอย่างดี เพราะมีบทบาทสำคัญในช่วงการชุมนุมทางการเมือง เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สำหรับ พล.ต.ท.ปิยะ เป็นที่รู้จักอย่างมากเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในฐานะที่ถูกมอบหมายให้เป็นโฆษก บช.น.
ชื่อของ ‘บิ๊กต๊ะ’ ติดอยู่บนหน้าสื่อทุกวัน หลังต้องทำหน้าที่เป็น ‘โฆษกหนังหน้าไฟ’ ไว้คอยแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม การดำเนินคดี และชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม 3 นิ้ว
การทำหน้าที่ในขณะนั้น แม้จะขัดใจม็อบ ถึงขั้นเคยถูกเผยแพร่เบอร์โทรศัพท์ แต่กลับประทับใจผู้มีอำนาจ จนทำให้ได้เลื่อนชั้นเป็น ผบช.ภ.5 คุมภาคเหนือในบั้นปลายราชการ
อย่างไรก็ดี ชื่อนี้กลับมาอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ‘บิ๊กต๊ะ’ ปรากฏกายที่พรรคพลังประชารัฐ หลังก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาสักพักว่า จะมารับทำหน้าที่ ‘โฆษกพรรคพลังประชารัฐ’ คนใหม่
โดยการเข้าพรรคครั้งนี้ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องการพา ‘บิ๊กต๊ะ’ มาแนะนำให้เหล่า สส.รู้จัก พร้อมกับขอโอกาสให้อดีตโฆษก บช.น.ได้ทำงาน เนื่องจากเพิ่งเข้าสู่วงการการเมือง
ขณะที่ ‘บิ๊กต๊ะ’ เองก็ดูจะมีความพร้อม เพียงแต่ยังไม่สามารถมาทำหน้าที่ดังกล่าวได้ เพราะแม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังเป็น ‘นายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ’ ซึ่งต้องรอให้มีพระราชวินิจฉัยหรือทรงโปรดเกล้าฯ ให้พ้นตำแหน่งมาก่อน ถึงจะทำงานการเมืองเต็มตัวได้
สำหรับ ‘บิ๊กต๊ะ’ นอกจากการทำหน้าที่โฆษก บช.น.ที่โดดเด่น อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักคือ การเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 38 รุ่นเดียวกับนายตำรวจคนดังหลายคน อาทิ ‘บิ๊กเด่น’ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ ‘บิ๊กอู๊ด’ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา อดีต ผบช.น. ที่รับศึกม็อบ 3 นิ้วมาด้วยกัน พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย อดีตรอง ผบ.ตร.
โดยเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน 2566 ก่อนเกษียณอายุราชการ ‘บิ๊กต๊ะ’ เป็น 1 ใน 5 นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ‘นายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ’
‘บิ๊กต๊ะ’ ยังเป็นอดีตนายตำรวจที่มีคอนเน็กชันกับวงการการเมือง โดยมีความสนิทสนมกับ ‘ผู้กองนัส’ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็น สส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มีบทบาทอย่างมากในการสู้ศึกเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐในภาคเหนือ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ ‘บิ๊กต๊ะ’ เป็น ผบช.ภ.5
ทั้ง 2 คนยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) โดย ‘บิ๊กต๊ะ’ เป็น ตท.รุ่นที่ 22 ขณะที่ ‘ผู้กองนัส’ เป็น ตท.รุ่นที่ 25
ขณะที่ในงานวันคล้ายวันเกิดอายุ 59 ปี ของ ‘บิ๊กต๊ะ’ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ‘ผู้กองนัส’ ตอนเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยก็ไปร่วมงานที่วัดพิชัยญาติการาม กทม.ด้วย
เช่นเดียวกับ ‘เสี่ยหนู’ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่มีความสนิทกับ ‘บิ๊กต๊ะ’ ซึ่งปรากฏตัวในงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สำหรับการก้าวเท้าเข้าสู่การเมืองครั้งนี้ พร้อมกับงานโฆษกที่ตัวเองถนัดนั้น ว่ากันว่าได้รับแรงผลักดันจาก 2 คีย์แมนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐในปัจจุบัน นั่นคือ ‘บิ๊กป๊อด’ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะเลขาธิการพรรค
งานหลักๆ นอกจากคอยชี้แจงให้กับพรรค ยังเอามาช่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 กระทรวงในโควตาของพรรค
การเตรียมตั้ง ‘บิ๊กต๊ะ’ ครั้งนี้ ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของพรรคพลังประชารัฐในปัจจุบัน ที่แม้จะยังมี ‘บิ๊กป้อม’ เป็นศูนย์กลางอำนาจ แต่ถูกขับเคลื่อนด้วย ‘บิ๊กป๊อด’ และ ‘ผู้กองนัส’ ที่เป็นคนจัดการงานหลังบ้านทั้งหมด โดยเฉพาะรายหลัง
เช่นเดียวกับการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิด มือทำงาน หรือได้รับการผลักดันจาก พล.ต.อ.พัชรวาท และ ร.อ.ธรรมนัสทั้งสิ้น
อย่างเช่นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัสก็ตั้งนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นักการเมืองคนสนิท เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง และ น.ส.ธนาพร จีนจะโปะ เลขาฯ ส่วนตัว เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
หรือที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีการแต่งตั้ง ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร อดีตผู้สมัคร สส.กทม. ซึ่งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน ขอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ตั้งให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
ตลอดจนตำแหน่งล่าสุดคือ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีโควตาของพรรคอย่าง ‘ผึ้ง’ เกณิกา อุ่นจิตร์ ที่ ‘บิ๊กป้อม’ เป็นคนไฟเขียวก็จริง แต่ก็เป็นรุ่นน้องของลูกสาว ‘บิ๊กป๊อด’
อย่างไรก็ดี การเตรียมตัวเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ของ ‘บิ๊กต๊ะ’ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นทางการเมืองของตัวเองหลังวัยเกษียณราชการเท่านั้น เส้นทางยังไม่จบเท่านี้แน่ เพราะมีความสนใจทางการเมืองมาก กอปรกับคอนเน็กชันที่กว้างขวาง
ถือเป็นอีกหนึ่งอดีตนายตำรวจที่น่าสนใจที่ก้าวเท้าเข้าสู่วงการการเมือง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
‘สุรเดช’ รับคำสั่ง ‘ลุงป้อม’ คุมภาคเหนือ ลั่นสู้ศึกเลือกตั้งด้วยผู้สมัครเกรด A
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ภาคเหนือว่า ตนได้รับมอบหมายจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ดูแล
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก


