“นช.ทักษิณ” อยู่ต่อห้องสูทรพ.ตำรวจ “อภิสิทธิ์ชน” นับถอยหลัง วันพ้นคุก!

ยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยถึงอาการป่วยของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกศาลฎีกาบังคับโทษคดีทุจริต 3 คดี รวม 8 ปี ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยังไม่ทันเที่ยงคืน โรคประจำตัวกำเริบ แน่นหน้าอก ความดันสูง โรคหัวใจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวส่งรักษา รพ.ตำรวจ กลางดึกนำตัวขึ้นชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ที่เป็นห้องสูทระดับ VVIP คนป่วยทั่วไปไม่สามารถได้ใช้บริการ

คำถามตัวโตๆ จากสังคมป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ เมื่อเป็นที่ครหาของสังคมตั้งแต่แรกที่ นช.ทักษิณตัดสินใจกลับประเทศ หลังจากปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไทยมากว่า 15 ปี ถ้าไม่มี ดีลลับ ที่สมประโยชน์ของทุกฝ่าย คนอย่างทักษิณหรือจะกลับมาติดคุก ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทุกคนสงสัย เมื่ออดีตนายกฯ ผู้มากบารมีเข้าไปนั่งอยู่ภายในพื้นที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้เพียง 13 ชั่วโมง ยังไม่ได้นอนคุกแม้แต่คืนเดียวก็ออกมาสูดอากาศสดชื่นชั้น 14 ที่ รพ.ตำรวจแล้ว

ห้องสูทชั้น 14 กลายเป็นฐานปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด บริเวณโดยรอบมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผลัดเวรรักษาความปลอดภัย ชั้น 14 ลิฟต์ถูกล็อก บุคคลภายนอกไม่สามารถผ่านเข้า-ออกได้ ลือกันว่าชั้น 14 เป็นที่จัดตั้งรัฐบาล นักการเมืองเดินดีลกันให้ควั่ก เช่นเดียวกันกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เด็กเส้น เด็กนาย ตั๋วช้าง วิ่งกันพล่าน

นอนทอดกายเพียงไม่กี่คืน ครอบครัว “ชินวัตร” ก็ได้รับข่าวดี เมื่อเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยโทษนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทานอภัยโทษจาก 8 ปี เหลือโทษจำคุก 1 ปี เมื่อโทษจำคุกเหลือเพียง 1 ปี ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป ว่านายทักษิณจะเข้าสู่กระบวนการพักโทษกรณีพิเศษของกรมราชทัณฑ์ในโครงการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรงหรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ที่หลักเกณฑ์ระบุไว้ว่า “เป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษตามหมายแจ้ง”

 “น.ช.ทักษิณ” โทษจำคุก 1 ปี จะต้องรับโทษ 1 ใน 3 คือจำคุก 3 เดือน ทักษิณถูกคุมตัว วันที่ 22 สิงหาคม ครบกำหนด 3 เดือนก็ปลายเดือนธันวาคม ก็จะเข้าสู่กระบวนการพักโทษกรณีพิเศษนำตัวออกจากเรือจำได้ หรืออีกกรณีที่นายทักษิณจะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที คือการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปเนื่องในโอกาสสำคัญ

อดีตนายกฯ ทักษิณนอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ครบ 60 วันแล้ว เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา และยังได้สิทธิ์ในการรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ โดยกรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือชี้แจงระบุว่า “กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้นายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกครบ 60 วัน ในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ซึ่งความเห็นจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจผู้ทำการรักษาเห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนรายละเอียดของการเจ็บป่วยนั้นเป็นไปตามหลักการคุ้มครองสิทธิ์ผู้ป่วยและตามจรรยาบรรณของแพทย์ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลออกสู่สาธารณชนได้ ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย”

ซึ่งตามกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ระบุว่า การรักษาตัวเกินกว่า 30 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐาน, การพักรักษาตัวเกิน 60 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ, การพักรักษาเกินกว่า 120 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องและรายงานให้รัฐมนตรีทราบ

ก่อนครบกำหนด 60 วันรักษาตัวภายนอกเรือนจำของนายทักษิณ ได้ปรากฏมีภาพว่อนโซเชียล บุคคลคล้ายนายทักษิณอยู่ในชุดคนไข้สีฟ้า สวมหน้ากากอนามัย นอนอยู่บนเตียงรถเข็นผู้ป่วย ซึ่ง นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงว่าคนป่วยบนเตียงเป็นนายทักษิณจริง โดยแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ นำตัวนายทักษิณออกไปทำซีทีสแกนและเอ็มอาร์ไอ เป็นไปตามระบบการรักษาผู้ป่วยของแพทย์

ตั้งแต่นายทักษิณเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. เป็นครั้งแรกที่นายทักษิณปรากฏกาย จะมีเหตุผลอะไรซ่อนเร้นไปมากกว่านี้ สังคมย่อมสามารถตั้งคำถามได้ ภาพที่ปรากฏทางโซเชียลต้องการสื่ออะไรให้กับสังคม เมื่อที่ผ่านมาสังคมพยายามหาคำตอบว่านายทักษิณ ที่ได้อภิสิทธิ์กว่านักโทษคนอื่นๆ ป่วยด้วยโรคอะไร อาการหนักกว่านักโทษคนอื่นๆ ที่ได้รับการรักษากับโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ เมื่อนักโทษหลายรายอาการโคม่า หลายคนเสียชีวิตในเรือนจำ สิทธิ์เข้าถึงการรักษาเสมอภาคหรือไม่ ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ

ข้อมูลที่สังคมอยากรับรู้ถูกปิดกั้นตามหลักการคุ้มครองสิทธิ์ผู้ป่วย พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติก็ว่ากันไป แต่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย 1 ใน 10 ญาติที่ลงทะเบียนเยี่ยมไว้กับราชทัณฑ์สามารถที่จะให้ข้อมูลการรักษาของพ่อได้ แต่ทุกอย่างล้วนเป็นความลับ บอกได้เพียง “ไม่สามารถเปิดเผยได้” ขณะที่แพทย์ รพ.ตำรวจ ก็โยนให้กรมราชทัณฑ์เป็นคนชี้แจงให้เหตุผลเพียงว่าโรงพยาบาลมีหน้าที่ในการรักษา ผลการรักษาได้ส่งให้ราชทัณฑ์เจ้าของคนไข้ทราบแล้ว ขณะที่ราชทัณฑ์ก็โยนกลับมาที่แพทย์ผู้รักษาไม่สามารถให้รายละเอียดได้

ล่าสุดเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นัดมวลชนใส่รองเท้าผ้าใบเดินไปเยี่ยม น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เพื่อให้คนไทยได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการป่วยของ น.ช.ทักษิณ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน

สรุปแล้วทักษิณป่วยเป็นโรคอะไร.!! ยังไม่มีใครรู้ อาการหนักถึงขนาดต้องล้มหมอนนอนเสื่อหรือไม่ ในเมื่อก่อนกลับประเทศยังแข็งแรงเตะกระสอบฟิตปั๋ง นั่งเครื่องบินอ้อมโลก แต่อาการกลับทรุดทันทีเมื่อต้องนอนคุก “ป่วยการเมือง” หรือไม่ ยิ่งปิดคนยิ่งอยากรู้ อดีตนายกฯ นะ ไม่ใช่ตาสีตาสาทั่วไป จึงเป็นที่มาของกลุ่มคนที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาให้ความกระจ่างต่อสังคม

แต่ยิ่งแถยิ่งสร้างความสับสนให้กับสังคม เมื่อกฎกระทรวงส่งตัวผู้ต้องขังไปนอกเรือนจำครบกำหนด 30 วัน 60 วัน ให้มีความเห็นจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแพทย์ผู้ทำการรักษา แต่รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กลับชี้แจงการจะอยู่ต่อหรือไม่ รพ.ตำรวจไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพียงแต่รายงานการรักษาให้กรมราชทัณฑ์ทราบเท่านั้น จะอยู่รักษาต่อหรือไม่ ราชทัณฑ์เป็นคนพิจารณา

จะ “ป่วยจริงป่วยทิพย์” ทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องน่าจะมีคำตอบให้กับสังคม ตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้นำรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์ เมื่อทุกคนอยู่ภายในกฎหมายฉบับเดียวกัน ตุลาการยังเป็นเสาหลักของประเทศ กระบวนการยุติธรรมต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่เหนือกฎหมาย ทำดำให้เป็นขาว จนนำพาสังคมแตกแยกด้วยคำว่า “อภิสิทธิ์ชน”. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กังขา 'ปชน.' ไม่จับมือ 'กธ.' แต่จับมือ 'พท.' แม้ 'ทักษิณ-ประเสริฐ' แนบแน่น 'เบน สมิธ'

นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพราะ ธรรมนัส สนิทกับ เบนสมิธ

ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง

บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย

‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)