การรุกหนักของคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นประธาน และคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป ที่มี รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ตั้งโจทย์ปัญหาในประเด็นด้านการทหารและ ความมั่นคงเพื่อตรวจสอบอย่างเข้มข้น ภายใต้สภาพการณ์ที่รัฐบาลและกองทัพยังมีความสัมพันธ์ที่เอื้ออาทรและพึ่งพากัน นับแต่การเข้ามาเป็นนายกฯ ของ “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งประกาศว่าเป็นผู้ที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคงเอง ไม่จำเป็นต้องมีรองนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด
จากการเปิดประเด็นของ รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ.....เพื่อยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายใน เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในให้อำนาจข้าราชการทหารมีอำนาจมาก ในการดำเนินงานเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ ผ่านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีลักษณะความสลับซับซ้อนภายในองค์กร และยังเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ทับซ้อนกับหน่วยงานอื่น ทำให้สิ้นเปลืองกำลังคน งบประมาณ จึงไม่มีความเหมาะสมที่ให้มีหน่วยงานนี้ในบริบทสังคมปัจจุบันอีกต่อไป เห็นสมควรยุบ กอ.รมน.
โดยสภาฯ มีการเปิดให้แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว และมียอดคอมเมนต์จำนวนมาก โดย “รอมฎอน” ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าถือเป็นยุทธการที่มีกองทัพไซเบอร์เข้ามาร่วมแจมมากน้อยเพียงใดครับ และน่าจะเป็นร่างกฎหมายที่มียอดคนคอมเมนต์มากที่สุดในประวัติการณ์
นั่นเป็นประเด็นแรกที่พรรคก้าวไกลกำลังบอกสังคมว่า กำลังทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” ความไม่ชอบมาพากลในพื้นที่ความมั่นคง ที่ถูกมองว่าเป็น แดนสนธยา ที่สังคมภายนอกเข้าไม่ถึง
อีกประเด็นคือ การออกมาตั้งคำถามเรื่องการเปลี่ยนโครงการเรือดำน้ำไปซื้อ เรือฟริเกต จากประเทศจีน ซึ่งต้องเพิ่มงบประมาณอีก 1,000 ล้าน เหมาะสมหรือไม่ แล้วกองทัพเรือไทยจะเสียเปรียบจีนอีกรอบหรือเปล่า
ไม่เท่านั้นยังลงรายละเอียดเรื่องจุดอ่อนในการซื้อเรือฟริเกตจีนอีกหลายข้อ และตั้งคำถามว่า ควรจะยกเลิกโครงการไปเลยแล้วเอาเงินคืนมาตั้งโครงการประมูลใหม่จะดีกว่าหรือไม่ โดยคณะกรรมาธิการทหารฯ ได้ขอให้กองทัพเรือไปชี้แจงในเรื่องของขั้นตอน และความคุ้มค่าในการเลือกเปลี่ยนมาซื้อเรือฟริเกตของจีนให้ได้ แต่กองทัพเรือยังขอรวบรวมข้อมูลก่อน โดยเฉพาะสัญญา “จีทูจี” ที่มีการโจมตีมาตลอดว่าเป็น จีทูจีเก๊ ไม่ต่างจากโครงการรับจำนำข้าว
เมื่อหันมาดูการทำงานของ “พรรคก้าวไกล” ในสภาฯ เช่น การตั้งกระทู้สดถามนายกฯ ถูกนายกฯ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง แต่กลับตอบกระทู้สด สส.ฝ่ายรัฐบาล ทำให้ก้าวไกลต้องใช้คณะกรรมาธิการเป็นด่านหน้าในการตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลให้เป็นผล ขณะที่รัฐบาลก็ใช้ “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม เป็น “หนังหน้าไฟ” คอยเป็นตัวกลางให้ 2 ฝ่ายสงบศึก
อย่างน้อยจะได้พูดคุย บอกถึงเหตุผลของแต่ละฝ่าย ไม่ได้ตั้งป้อมที่จะประกาศสงครามกันไปเสียทุกเรื่อง จะเห็นได้จากกรณีที่ให้ “รังสิมันต์ โรม” ประธานกรรมาธิการความมั่นคง กับ “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ กรรมาธิการและคณะเข้าไปคุยกับตัวแทนเหล่าทัพ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศรีสมาน
โดยเฉพาะเรื่องใหญ่อย่าง กอ.รมน.ขณะที่บรรดาเพจที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพรรคก้าวไกล ต่างออกมาติดแฮชแท็ก SAVE กอ.รมน.กันเป็นทิวแถว หลังจาก สส.ของพรรคออกมารณรงค์ในการแก้ไขกฎหมาย
รวมไปถึงเรื่อง “ไอโอ” ก็ถูกนำมาตั้งคำถามอีกครั้ง โดยเฉพาะการที่ ผบ.ทร.เคยประกาศด้วยตนเองเมื่อครั้งแถลงนโยบายว่าจะกำกับดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งตัวแทนของ ทบ.ได้อธิบายในเรื่องความจำเป็นว่าควรยังมี กอ.รมน.อยู่ และ ทร.รับไปแก้ปัญหาเรื่อง “ไอโอ” โดยยืนยันว่าไม่ให้ไปด้อยค่าใคร และจะไม่ให้มี ไอโอ “สีเทา-สีดำ” ทำให้บรรยากาศที่ออกมาจึงมีแต่ภาพบวกเป็นฉากหน้าไปก่อน
ส่วนเรื่อง “เรือดำน้ำ” นั้น แน่นอนว่าพรรคก้าวไกลคงเกาะติดและกัดไม่ปล่อย เนื่องจากมี “ถังข้อมูล” ในการตรวจสอบจากกูรูคอยสนับสนุนอยู่ จึงเป็นเรื่องที่ ทร.เองก็รู้ดีว่าต้องชี้แจงให้ชัดเจนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่ “ทางเลือก” ในการไม่ได้เครื่องยนต์จีน คือการเปลี่ยนเป็นเรือดำน้ำ ในหน้าสื่อยังมีอยู่แค่นั้น
ชุดข้อมูลของฝ่ายตรวจสอบที่หลั่งไหลออกมา จึงพุ่งเป้าไปที่การพิจารณาจุดอ่อนของการจัดหา “เรือฟริเกตจีน” เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งกองทัพเรือเองก็ประกาศแล้วว่า พร้อมรับฟังทุกคอมเมนต์ และเป็นสิ่งที่สังคมต้องพิจารณาข้อดี-ข้อเสียร่วมกัน
แต่ก็ใช่ว่าประตูในการแก้ไขปัญหาช่องทางอื่นจะปิดตาย เพราะก็มีรายงานว่า การเปิดประเด็นเรื่อง “ฟริเกตจีน” นั้นเป็นแค่แผนสำรองที่เตรียมไว้เท่านั้น เพราะความหวังในการที่จะได้เครื่องยนต์เยอรมันนั้นยังไม่เป็นศูนย์เสียทีเดียว รัฐบาลเองก็ได้ส่งสัญญาณไปยังกองทัพเรือว่า อย่าเพิ่งเดินทางไปเจรจากับจีน เพราะฝ่ายเราไม่ได้เป็นฝ่ายที่ผิดสัญญา และอาจจะมีข่าวดีที่โครงการเรือดำน้ำจีนอาจกลับมาฟื้นชีพขึ้นมาได้
อีกทั้งงานนิทรรศการอาวุธยุทโธกรณ์ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและพันธมิตรเครือข่ายจัดขึ้นภายใต้ชื่องานดีเฟนด์แอนด์เซ็คเคียวริตี้ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-9 พ.ย.นี้ จะมีตัวแทนบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจ CSSC ซึ่งถือหุ้นเกินกว่าครึ่งของรัฐบาล และบริษัท CSOC ที่ต่อเรือดำน้ำ S26T ที่ต่อให้ไทย ก็ถูกควบรวมกิจการมาไว้แล้ว ก็จะมาเปิดบูทด้วยการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ในการจัดนิทรรศการในส่วนยุทโธปกรณ์ ทร. เช่นเดียวกับโนรินโก้ รัฐวิสาหกิจของจีนก็จะนำเสนอยุทโธปกรณ์ในส่วนของ ทบ.ด้วย โดยจะมีผู้ช่วยทูตทหารจีน ตัวแทนกองทัพ และปูลิตบูโรของจีนเดินทางมาด้วย ซึ่งคาดว่า "บิ๊กทิน" และ ผบ.ทร.ของไทยจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกันในงานนี้
ซึ่งชุดข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทีมของกระทรวงกลาโหมรับทราบการดำเนินการมาทุกขั้นตอน แต่ในสถานะตอนนี้ที่รัฐบาลกลายเป็น “กันชน” ระหว่าง “กองทัพ” กับ “ก้าวไกล” จึงทำได้แค่ประสานให้พูดคุยถกแถลงกันด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง จะไปยืนอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้
การเชิญ “ก้าวไกล” เข้ามาในพื้นที่ทหาร เพื่อให้เกิดภาพการพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร หวังลด “ดรามา” และการ “ปั่นกระแส” ในฐานมวลชนฝ่ายของตัวเอง ไม่ใช้อคติในการเอาชนะคะคานกัน ขณะเดียวกัน “ฝ่ายทหาร” เองก็ต้องปรับตัว และนำข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มาแก้ไขในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ปรับจูนไม่ให้เกิดการปะทะกันด้วยอารมณ์ และความรู้สึก จนถูกหยิบไปใช้เป็นเครื่องมือชักจูงมวลชนให้เผชิญหน้ากันจนเกิดเป็นความเกลียดชัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
พรรคส้มเปิดชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'วิโรจน์' กลืนน้ำลายอยู่ในบัญชี
เปิดชื่อผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 'ปชน.' พบ ไอซ์-กาย-ลูกเกด' ปรับจากเขตมาบัญชีรายชื่อ 'วิโรจน์' ลงต่อด้วย หลัง 'ป้าเจี๊ยบ' เฉลยให้อยู่อันดับ 100 เตรียมแต่งตัวเป็นฝ่ายบริหารพรรค
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
'วิโรจน์ ลักขณาอดิศร' วางมือ ตัดสินใจไม่ลงสมัครเลือกตั้ง 69
"วิโรจน์" ตัดสินใจ ไม่ลงสมัคร สส. อีก 1 ราย ต่อจาก "เท่าพิภพ" ด้าน "โตโต้" ที่ประกาศไม่ลงเขต ล่าสุดลงสมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์แทน
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

