9 ธ.ค.เลือกแม่ทัพปชป. ยุค“สิงห์เหนือ-เสือใต้”

ต้นเดือนธันวาคม พรรคประชาธิปัตย์จะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ปิดช่องโหวตไม่ให้พรรคฝ่ายตรงข้ามหยิบประเด็นเลือกหัวหน้าพรรคมาตอบโต้ได้อีก

แม้ “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรค จะยังสงวนท่าทีกำหนดวันประชุมใหญ่วิสามัญพรรค “ภายในวันที่ 9 ธ.ค.” แต่รายงานคอนเฟิร์มแล้ว ฤกษ์ดี วันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. ได้แน่นอน

ไล่เลียงไทม์ไลน์เลือกหัวหน้าพรรค เริ่มต้นที่ 14 พ.ค. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค จากนั้น 9 ก.ค. การประชุมใหญ่วิสามัญล่มครั้งที่ 1 เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ

6 ส.ค. ล่มครั้งที่2 องค์ประชุมไม่ครบเช่นกัน กระทั่งมาถึงเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา เกิดจุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) เพื่อพิจารณาจัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 3

อย่างไรก็ตาม ก่อนประชุมคณะกก.บห. จุรินทร์ ประกาศลาออกจาก “รักษาการหัวหน้าพรรค

เท่ากับว่าในการประชุมคณะกก.บห.ที่เพิ่งผ่านมา มีวาระเพิ่มเติมคือพิจารณาเลือก “รักษาการหัวหน้าพรรค” แทน “จุรินทร์” ซึ่งที่ประชุมโหวตให้ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค แทน โดยมี “ชนินทร์ รุ่งแสง” ผู้ช่วยเลขาธิการและกก.บห. เสนอชื่อ

เมื่อฟัง “โฆษกพรรค” แถลงชี้แจงถึงสาเหตุที่ “จุรินทร์” ลาออกนั้น หลายฝ่ายอาจรู้สึกตงิดใจสงสัยว่า แม้พรรคยืนยันกับทางกกต. ว่าขณะนั้น “จุรินทร์” รักษาการหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ “นราพัฒน์ แก้วทอง” ตามที่กกต. เข้าใจ ซึ่งที่สุด กกต. ก็เข้าใจในสิ่งที่พรรคชี้แจงแล้ว แต่เหตุใด “จุรินทร์” ยังต้องลาออก?

ว่ากันว่าสาเหตุมาจาก เมื่อวันที่ 11 ต.ค. “เดชอิศม์ ขาวทอง” กับพวก ทำหนังสือสอบถามไปยัง “กกต.”เกี่ยวกับการรักษาการในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2566 ต่อมา 13 พ.ย. แสวง บุญมี เลขาธิการกกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ทำหนังสือตอบกลับว่า

กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นการตีความข้อบังคับพรรคฯ ดังนั้น การตีความข้อบังคับพรรคจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์หรือที่ประชุมใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ ตามข้อ 137 ของข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2566

ทั้งนี้ ที่ประชุมกก.บห. ก็เคยมีความเห็นเรื่องนี้แล้วเช่นกันว่า “จุรินทร์” เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค ตามข้อบังคับพรรคได้ โดย “ราเมศ” แถลงข่าวไว้ว่า

“ผมเชื่อว่าคงเป็นความคลาดเคลื่อน ไม่อยากไปพูดว่ามีความผิดพลาดตรงไหน และเชื่อว่าทุกคนไม่ได้มีเจตนาร้าย ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพรรคที่เราจะต้องมาพูดคุยกันในส่วนของข้อบังคับพรรค ว่าเรื่องนี้ระบุอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดข้อถกเถียงขึ้น แต่เคยมีการประชุม กก.บห.พรรคเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.66 ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเพื่อพูดคุยกัน และที่ประชุมมีมติให้นายจุรินทร์ยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค”

จะเห็นว่าหนังสือที่กกต. ส่งมาเป็นคุณต่อ “จุรินทร์” แต่ทำไมจึงยังลาออก หรืออาจเป็นเพราะฝ่าย “อดีตหัวหน้าพรรค” ยอมถอยให้ “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” แล้วหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าสังเกตเพิ่มเติม เมื่อการประชุมคณะกก.บห. วันที่ 14 พ.ย. มีการพิจารณาเรื่ององค์ประชุมในวันประชุมใหญ่ด้วย ซึ่งมีมติยอมให้เพิ่มองค์ประชุมในวันดังกล่าวได้ เพื่อป้องกันไม่ให้องค์ประชุมล่มเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา

                    เท่ากับว่าเกมองค์ประชุมล่มของฝ่ายอาวุโสเป็นอันจบไป แต่จะมีกลเกมอื่นอีกหรือไม่ยากหยั่งถึง

ทว่าหลายคนในพรรคมั่นใจ 9 ธ.ค.นี้ ได้ “หัวหน้าพรรคคนใหม่”แน่!!! จับกระแสตอนนี้ ขีดเส้นใต้คำว่า “ตอนนี้” ยังคงเป็นชื่อ “นราพัฒน์ แก้วทอง” นำทัพประชาธิปัตย์คนต่อไป และมี “เดชอิศม์ ขาวทอง” สส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค โดยมีคอนเซ็ปต์ตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่า “สิงห์เหนือ เสือใต้”

                    ส่วนเลือดใหม่ทั้ง “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาคดร.เอ๋” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

ณ เวลานี้    มีชื่อเป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นการปรับทัพนำเลือดใหม่สู้กับพรรคการเมืองต่างๆที่ได้ปรับตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว

 อย่างไรก็ตาม มีข่าวเป็นระยะว่า “มาดามเดียร์” ภรรยาเจ้าของสื่อใหญ่แห่งค่ายบางนา จะมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่หนทางไม่ง่ายนัก เพราะยังเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้จะได้เป็นหัวหน้าพรรค ฉะนั้น ถ้าจะมาเป็นจริงๆ ต้องมีการยกเว้นข้อบังคับข้อดังกล่าว โดยใช้เสียงในที่ประชุม 2 ใน 3 เสียงทั้งหมดขององค์ประชุม

เหตุการณ์ในพรรควันนี้เป็นแบบนี้ แต่เหลือเวลาอีกตั้ง 3 สัปดาห์ อาณัติสัญญาณต่างๆอาจเปลี่ยนแปลง เพราะภายในประชาธิปัตย์อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ!!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)