เปิดเบื้องลึกปลด"สุริยา" พ้นกุมบังเหียน"ดีเอสไอ"

คดีหมูเถื่อนมีการลักลอบนำเข้าไทยจำนวนมหาศาล โดยสำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น ถูกนำเข้ามากระจายขายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทยอยเลิกอาชีพ จากการแข่งขันกับหมูเถื่อนไม่ไหว ขายได้ราคาไม่คุ้มทุน และรัฐสูญรายได้จากการหลบเลี่ยงภาษีของผู้นำเข้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการไปยัง นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เร่งปราบปรามหมูเถื่อนให้สิ้นซาก และต้องสาวให้ถึงตัวการใหญ่

ทั้งนี้ การนำเข้าหมูเถื่อนในไทยไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อ 2 ปีก่อน เจ้าหน้าที่ก็มีการตรวจค้นหมูเถื่อน โดยในปี 2564 จับกุมได้ 14 ราย น้ำหนัก 236,177 กก. ปี 2565 จับกุมได้ 25 ราย น้ำหนัก 431,660 กก. และในปี 2566 จับกุมได้ 181 ราย น้ำหนัก 4,772,073 กก.

จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันพบผู้กระทำความผิดและหมูเถื่อนเพิ่มจำนวนแบบก้าวกระโดด ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้เศรษฐาไม่พอใจการทำงานของดีเอสไอ มีการตำหนิ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ โดยปรากฏเป็นคลิปเผยแพร่อย่างกว้างขวาง โดยระบุว่า "จัดการให้มันเร็วๆ หน่อยไม่ได้เหรอ ผมสั่งการไปแล้วก็ไม่ทำ ไม่หาตัวรายใหญ่ เข้าถึงตัวไม่ได้เสียที"

ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่า พ.ต.ต.สุริยาได้พยายามอธิบายเหตุผล แต่ดูเหมือนนายเศรษฐาก็ยังไม่พอใจในคำตอบ โดยประเด็นความล่าช้านี้ยังปรากฏด้วยว่า นายเศรษฐาได้ไปสั่งการในที่ประชุม ครม.วันที่ 21 พ.ย.66 โดยกำชับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ไปเร่งรัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เร่งดำเนินคดีเอาผิดกับตัวการรายใหญ่ของคดีหมูเถื่อน โดยย้ำว่าภายในกลางสัปดาห์นี้ต้องการเห็นตัวใหญ่ ที่เป็นโต้โผของการทำหมูเถื่อน

เมื่อวันจันทร์ที่ 27 พ.ย.66 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุริยาได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เนื่องจากพบว่ามีความเชื่อมโยงในการสั่งซื้อเนื้อหมูและเครื่องในหมูบางส่วนจากคู่ค้า ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยถูกดีเอสไอจับกุมในข้อหาหมูเถื่อน ซึ่งสรุปการลงตรวจครั้งนี้เบื้องต้นยังไม่ชี้ชัดว่า การรับซื้อของแม็คโครและบริษัทผู้ต้องหาผิดพลาดหรือถูกต้องอย่างไรหรือไม่ แต่การเข้าตรวจสอบเอกสารวันนี้ สิ่งที่เห็นคือ เอกสารการซื้อขายที่กระทำอย่างเปิดเผย มีการซื้อขายกันมาต่อเนื่อง เป็นไปตามรูปแบบขั้นตอนวิธีการซื้อ ซึ่งอธิบดีดีเอสไออาจเห็นต้นตอสำคัญของคดีนี้ที่นายเศรษฐาต้องการเห็น

แต่ในวันถัดมาจึงมีการเด้งฟ้าผ่าทันทีจากมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ พ.ต.ต.สุริยาย้ายไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดย พ.ต.อ.ทวีได้มาสยบข่าวเด้งอธิบดีดีเอสไอในครั้งนี้ว่า "การแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้ เป็นการโยกย้ายไปแทนตำแหน่งอื่น ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือมีอคติใดๆ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อน"

เบื้องลึกเบื้องหลังในการเด้งพ.ต.อ.สุริยานั้น ถ้าเชื่อมโยงข้อมูลพบว่ามีความน่าจะเป็นในหลายสาเหตุ จากที่คาดการณ์เริ่มจากสาเหตุแรกความล่าช้าของคดี ที่นายเศรษฐามีอารมณ์ฉุนเฉียวลงมาที่อธิบดีดีเอสไอ คดีหมูเถื่อนเริ่มรับเป็นคดีพิเศษเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2566  โดยดีเอสไอดำเนินการในคดีมา 6 เดือน แต่ถ้านายเศรษฐาย้อนกลับไปดูคดีเก่าของดีเอสไอบางคดี คงจะเอาเรื่องกับดีเอสไอพอสมควร เช่น Forex 3D ที่รับเป็นคดีพิเศษมาตั้งแต่ปี 2562 แต่มาถึงปัจจุบันคดีนี้ก็ยังไม่จบแบบ 100% ซึ่งถือว่าใช้เวลานานพอสมควร

สาเหตุที่ 2 การบุกเข้าค้นหมูเถื่อน มีรายงานว่ามีตัวละครที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบว่าอาจมีส่วนกระทำผิด ประกอบด้วยบุคคลหลายระดับ ทั้งนายทุน ข้าราชการการเมือง อดีตข้าราชการ เรียกว่าครบองค์ประกอบของการสมรู้ร่วมคิดในการหาประโยชน์จากธุรกิจหมูเถื่อน

คนในแวดวงการเมืองและแวดวงที่เกี่ยวข้องต่างรู้ดีว่า ตัวการใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการค้าหมูเถื่อน เป็นนักการเมืองตัวย่อ ป. บ้านใหญ่จังหวัดหนึ่งในภาคกลาง เพิ่งผ่านเก้าอี้รัฐมนตรีมาไม่ช้าไม่นาน ในกระทรวงเกรดเอ ถือเป็นผู้มากอาวุโสในทางการเมือง คอนเน็กชันกว้างขวาง ต่อถึงผู้มีอำนาจทุกขั้ว ก็มีชื่ออยู่ในสำนวนด้วยเช่นเดียวกัน การที่ พ.ต.ต.สุริยาไปเจอตอสำคัญที่ส่งผลต่อรัฐบาล อาจจะมีส่วนต่อการถูกเด้งในครั้งนี้

และสาเหตุสำคัญที่มีความน่าจะเป็นมากที่สุด คือรัฐบาลเพื่อไทยต้องการนำคนของตัวเองขึ้นมากุมบังเหียนดีเอสไอมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ซึ่ง พ.ต.ต.สุริยาไม่ใช่คนของเพื่อไทย แต่คนที่รัฐบาลต้องการให้ขึ้นมาคุมดีเอสไอคือ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ (รองแพร) รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเคยรับผิดชอบคดีคนเสื้อแดง 99 ศพ, คดีโกงหุ้นสตาร์ค (STARK) หมื่นล้านบาท คดีปั่นหุ้นมอร์ (MORE) และยังเป็นผู้ดูแลคดีหมูเถื่อน 161 ตู้

ซึ่งรองแพรเคยอยู่หน้าห้อง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีดีเอสไอ ติดตาม พ.ต.อ.ทวีไปงานต่างๆ ทุกที่ เปรียบเสมือนคนสนิท จึงถูกตั้งข้อสงสัยว่า พ.ต.อ.ทวีต้องการดันลูกทีมของตัวเองขึ้นมารับตำแหน่งแทนที่ พ.ต.อ.สุริยา หรือไม่ เพราะการดันลูกน้องของตัวเองของ พ.ต.อ.ทวี ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็เคยแต่งตั้ง  พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มากำกับดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มาแล้ว

อีกทั้งถ้ามองไปที่ความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี มีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างไร รองแพรก็มีความสัมพันธ์ที่ดีไม่แพ้กัน การดันคนของตัวเองของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ของผู้บริหาร อาจจะเป็นการปรับโครงสร้างในรูปแบบเพื่อไทยโมเดล ที่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยมีคนของตัวเองอย่างนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ขึ้นมาเป็นมือเป็นไม้ให้กับรัฐบาลมาแล้ว

ดังนั้นสาเหตุสุดท้ายจึงมีความน่าจะเป็นมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องหมูเถื่อน หรือการไปลูบคมนักการเมืองบ้านใหญ่เข้ามาหรือไม่ รัฐบาลเพื่อไทยอาจต้องการปลด พ.ต.อ.สุริยาตั้งแต่ต้น และดันคนของตัวเองขึ้นมาอยู่แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก