ระวังย่ามใจ ‘ได้คืบเอาศอก’ ‘สองมาตรฐาน’ หัวเชื้อจุดติดง่าย

 

“เพื่อไทยกำลังหลงตัวว่าฝ่ายอนุรักษนิยมไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องใช้พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ในการหยุดยั้งพรรคก้าวไกล ดังนั้นจึงเคลื่อนไหวการเมืองแบบชะล่าใจ”

กรณี นักโทษเทวดา ชั้น 14 มันแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ค่อนข้างย่ามใจในอำนาจที่ตัวเองมีอยู่ไม่น้อย 

ไม่ว่าจะเป็นการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษชาย นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจครบ 120 วัน โดยที่ยังไม่เคยนอนเรือนจำแม้แต่วันเดียว 

หรือการออก "ระเบียบราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566" ซึ่งสามารถทำให้ถูกคุมขังนอกเรือนจำได้ 

สองกรณีนี้ บุคคลในรัฐบาลพยายามอธิบายว่า นายทักษิณไม่ได้เป็นนักโทษคนแรกที่ออกมารักษาตัวนอกเรือนจำนานถึง 120 วัน  

ในขณะเดียวกัน ระเบียบราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนอกคุก ไม่ได้ออกในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แต่ทำมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนหน้านั้นแล้ว  

รัฐบาลชุดนี้พยายามจะสื่อว่า นายทักษิณแค่บังเอิญไปเข้าเกณฑ์ต่างๆ เท่านั้น 

แต่สังคมไม่ได้เชื่อแบบนั้น และมองว่านายทักษิณ คือ อภิสิทธิ์ชน ซึ่งเป็นตัวอย่างของคำว่า สองมาตรฐาน ได้อย่างชัดเจน  

กรณีเปรียบเทียบชัดเจนที่สุดคือ การตั้งคำถามของ "ลูกเกด" ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ที่ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีถึงเรื่องดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา 

"ชลธิชา" เปรียบเทียบระหว่างกรณีของนายทักษิณ กับนายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ถูกจำคุกในคดีกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ถูกปฏิบัติต่างกัน โดยนายเอกชัยได้ออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียงแป๊บเดียว และต้องกลับเข้าเรือนจำทั้งที่ยังรักษาไม่หาย  

“นายทักษิณเข้าเรือนจำไม่ถึง 1 วันก็ถูกส่งตัวออกมารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกิน 120 วัน หากเทียบกับสิทธิของผู้ต้องขังรายอื่นที่ไม่ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับนายทักษิณ เช่น นายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ตรวจพบว่าเป็นฝีที่ตับ แต่กลับถูกส่งตัวเข้าเรือนจำระหว่างที่การรักษาไม่แล้วเสร็จ และแพทย์ระบุว่าเหตุของโรคมาจากความไม่ถูกสุขลักษณะภายในเรือนจำ” 

และตอนนี้หลายฝ่ายกำลังเฝ้าจับตามองว่า จะมีการใช้ระเบียบราชทัณฑ์เรื่องถูกคุมขังนอกคุกมาใช้กับนายทักษิณหรือไม่ ซึ่งหากใช้จะเท่ากับนักโทษรายนี้ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว  

มันเป็นการย่ามใจ ประหนึ่งว่าจะทำอะไรก็ได้ในยุคนี้ เพราะสถานการณ์ขณะนี้คงไม่มีใครสามารถล้มรัฐบาลที่เกิดจากการสลายขั้วต่างๆ ได้  

สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยย่ามใจขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเพราะศัตรูทางการเมืองไม่มีพลังอำนาจมากเพียงพอที่จะล้มรัฐบาล ต่างจากตอนผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย  

แกนนำม็อบ นักการเมืองขั้วตรงข้ามที่เคยขับไล่พรรคเพื่อไทย ขับไล่นายทักษิณ วันนี้กลายมาเป็นมิตรที่มากองรวมกันอยู่ที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน 

อดีตแกนนำม็อบหลายคนไม่ว่าจะสีไหน โดนคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล จนไม่อยากกลับมาเคลื่อนไหว ประกอบกับแวดล้อมการเมืองที่ทำให้ต้องกล้ำกลืนฝืนใจอยู่เฉยๆ หรือทำได้เพียงแค่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น เหมือนกับที่เคยมีการพูดปลอบใจกันว่า ได้ เพื่อไทย ดีกว่าให้ ก้าวไกล เป็นรัฐบาล  

แน่นอนว่า แรงต้านอาจจะมี การเคลื่อนไหวต่อต้านอาจจะเกิดขึ้นปละปลาย แต่สุดท้ายไม่มีพลังเพียงพอต่อการล้มรัฐบาล เพราะเป็น ม็อบไม่มีเส้น ไม่มีนายทุนหนุนหลัง เนื่องจากนายทุนมากองกันอยู่ในฝั่งอำนาจหมดแล้ว  

ลองว่าวันนี้ความขัดแย้งยังดำรงอยู่ระหว่าง "เหลือง" กับ "แดง" ไม่ใช่ "อนุรักษนิยม" กับ "หัวก้าวหน้า" ไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยจะกล้ากระทำแบบนี้  

"เพื่อไทย" กำลังหลงตัวว่าฝ่ายอนุรักษนิยมไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องใช้พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณในการหยุดยั้ง "พรรคก้าวไกล" ดังนั้นจึงเคลื่อนไหวการเมืองแบบชะล่าใจ โดยไม่ได้กังวลเรื่องผลกระทบที่จะตามมา 

นายทักษิณกำลังอยู่ในสภาวะ ได้คืบเอาศอก  

โดยนับตั้งแต่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามพิพากษารวมทั้งหมด 8 ปี ยังไม่เคยติดคุกสักวันเดียว แต่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมาแล้ว 120 วัน       

นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่า มีความพยายามจะขอเข้าโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 หรือนายทักษิณต้องติดคุกก่อน 6 เดือน จึงเข้าเกณฑ์ 

ขณะเดียวกัน มีการประกาศระเบียบราชทัณฑ์เรื่องคุมขังนอกเรือนจำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการเอื้อให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้แบบพอดิบพอดี  

หากประเด็นข้างต้นเกิดขึ้นจริงทั้งหมด จะเท่ากับว่า "ทักษิณ" ไม่ได้ติดคุกสักวันเดียว ถือว่าสั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างรุนแรง  

มันจะกลายเป็นการท้าทายกระบวนการยุติธรรมในประเทศ และเล่นกับความรู้สึกของคนในสังคมมากเกินไป 

อยู่ที่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้า ได้คืบเอาศอก หรือจะ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมและความรู้สึกของสังคมมากเกินไป 

เพราะต้องไม่ลืมว่า เรื่อง "สองมาตรฐาน" เป็นเรื่องที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมได้มากที่สุด และไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีแบบนี้ตลอดไป โดยไม่มีใครสามารถล้มได้      

กรณี "ทักษิณ" จะเป็น หัวเชื้อ หรือสัญลักษณ์ของความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากวันใดพรรคเพื่อไทยภูมิคุ้มกันตก หรือมีเรื่องอื่นทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรม ประเด็นนี้จะถูกจุดขึ้นมาแน่นอน 

เนื่องจากเรื่อง "สองมาตรฐาน" ถูกปลุกได้ง่าย 

ซึ่งพรรคก้าวไกลคือตัวละครที่มีอิมแพกต์มากที่สุด ในฐานะขั้วตรงข้าม และคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง ที่ทำหน้าที่จับผิดและตรวจสอบรัฐบาล  

แต่มีข้อแม้ว่า พรรคก้าวไกลจะต้องเกาะติดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ได้กระโจนลงมาตามกระแสสังคมเท่านั้น  

และมันเป็นการวัดใจพรรคก้าวไกลด้วยว่า จะตรวจสอบเรื่องนี้เข้มข้นขนาดไหน เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาถูกตั้งคำถามมาตลอดว่า ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้ประเด็นของนายทักษิณเลย จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการถนอมน้ำใจและรักษามิตรภาพ เผื่อภายภาคหน้าจะกลับมาร่วมกันอีก  

กระทั่งเพิ่งจะมีการขยับจริงจังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น "ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร" โดยหัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลชุดนี้  

และในการตั้งกระทู้ถาม สส.ของพรรคก้าวไกล ก็เริ่มออกแอ็กชันกับกรณีของนายทักษิณมากขึ้น อย่างเช่นล่าสุด น.ส.ชลธิชา ที่ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรี แต่มีการส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มาตอบ  

แต่จะเป็นการตรวจสอบตามกระแส หรือตรวจสอบแบบจริงจัง กัดไม่ปล่อย เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กับฝ่ายค้านชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ลั่นไม่เสียสมาธิ เตรียมสู้คดีในศาลรธน. พร้อมบริหารราชการไม่ให้หย่อนยานด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ได้เริ่มพูดคุยกับทีมงานฝ่ายกฎหมายแล้ว เพื่อเตรียมชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยถือว่าเช้าวันนี้ได้เริ่มต้นในการพบปะพูดคุย

'เศรษฐา' เผยทำงานกันเป็นทีม หลังทักษิณแนะประชุม ครม.เศรษฐกิจ 'อนุทิน' ก็ยังพูดเป็นห่วง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นคนแนะนำให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐกิจ ว่า ครับ ก็มีหลายคนแนะนำ

นายกฯ ติดตามความก้าวหน้าพัฒนาคลองเปรมประชากร ปรับภูมิทัศน์ที่ดินกำแพงเพชร 6

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาที่ดินกำแพงเพชร 6 ณ อาคารสำนักงานสนาม พื้นที่ก่อสร้างสวนสาธารณะ ปตท. เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เปิดชื่อ 40 สว. ร้องศาลรัฐธรรมนูญ สอย 'เศรษฐา-พิชิต'

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของ 40 สว.ที่ยื่นเรื่องต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน

'อุ๊งอิ๊ง' เผยไม่ได้เตรียมพร้อมเป็นนายกฯ เชื่อ 'เศรษฐา' ไม่หลุดเก้าอี้

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ 40 สว. ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่

'เศรษฐา' นัดถกทีมกฎหมาย เตรียมข้อมูลแจงศาลรธน.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากรับคำร้องของ 40 สว. กรณียื่นถอดถอนจากตำแหน่งปมเสนอชื่อ นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี