ศาลรัฐธรรมนูญ-ม.53 ด่านสกัด'แจกเงินหมื่น'

ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 12 มีนายพนัส สิมะเสถียร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิจารณาข้อกฎหมายในการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงินหมื่น ทำได้หรือไม่ ตามที่ขอหารือไปเมื่อปลายปีที่แล้ว 

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ส่งเรื่องมาที่รัฐบาล จากนั้น เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลัง รวมถึง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง พยายามให้ข่าวตีกินทำนองว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา “ไฟเขียว” และจะจ่ายให้ประชาชนตามกำหนดเดิมในเดือน พ.ค.นี้

กระทั่งความจริงมาปรากฏเมื่อ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่า ไม่มีคำว่า ไฟเขียว พร้อมอธิบายว่า ประเด็นที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเป็นข้อกฎหมายอย่างเดียว 

โดยเสนอให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 มาตรา 53 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 9 แม้ก่อนหน้า รมช.จุลพันธ์จะอ้างมีมาตรา 57 ด้วย   

"เลขาฯ ปกรณ์" บอกว่า การให้ความเห็นครั้งนี้ยึดตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ตอบอย่างนั้นเป๊ะ ถ้าทำตามผม ปลอดภัยแน่นอนครับ และถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะออกเป็น พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. 

 ส่วนจะบอกว่าเศรษฐกิจเข้าวิกฤตหรือไม่... "คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่มีข้อเสนอแนะใด ผมเป็นนักกฎหมาย ผมชี้ไม่ได้ว่ารัฐบาลควรทำอย่างไร เพราะเรื่องนี้ต้องอาศัยตัวเลขข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์" เลขาฯ กฤษฎีกากล่าว

สำหรับที่ปรึกษาของรัฐบาลให้น้ำหนักมากที่สุดก็คือมาตรา 53 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561  

โดยมีสาระสำคัญว่า "การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทำได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีที่จำเป็นต้องดำเนินการโดย 'เร่งด่วน' และ 'ต่อเนื่อง' เพื่อ 'แก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ' โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน"

ทั้งนี้ เมื่อจำแนกเงื่อนไขของมาตรา 53 พบว่ามี 4  ด่านสกัด ที่รัฐบาลจะต้องปรับบทสถานการณ์ให้เข้ากับข้อกฎหมายเพื่อเข็นผ่านให้ได้ 

ประกอบด้วย ข้อ 1 เร่งด่วน คำถามคือ ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนจริง ทำไมไม่ตราเป็นพระราชกำหนดให้มีผลบังคับใช้ทันที การตราเป็นพระราชบัญญัติต้องผ่าน 2 สภา สภาละ 3 วาระ และอาจมีขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดอาจต้องใช้เวลานาน

ข้อ 2 ต่อเนื่อง คำถามคือ โครงการนี้ไม่ได้ต้องการใช้เงินต่อเนื่อง แต่ใช้ครั้งเดียวทั้ง 5 แสนล้านบาท แจกเข้าบัญชีประชาชน 50 ล้านคน ตามนโยบายที่หาเสียงของพรรคเพื่อไทย และนายกฯ ก็ยืนยันว่าจะไม่ทยอยจ่ายเงิน 

ข้อ 3 แก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ คำถามคือ วันนี้ประเทศไม่ได้ประสบปัญหาวิกฤตหรือไม่ มีเพียงแต่รัฐบาลเท่านั้นที่ยืนยันเรื่องตรงนี้ สวนทางกับหน่วยงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ชาติ หรือนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ก็ไม่เห็นด้วยตรงจุดนี้ หากเทียบกับช่วงยุคโควิด-19

ข้อ 4 ไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน คำถามคือ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 พึ่งเข้าสภาไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค. และรับหลักการในวันที่ 5 ม.ค. แต่กลับไม่ยอมบรรจุงบประมาณโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้ และยังถือว่าย้อนแย้งกับตอนที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการนี้ไว้กับ กกต. เมื่อปลายเดือนเมษายน 2566 ว่าจะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี และยืนยันตอนหาเสียงว่าจะไม่มีการกู้เงินมาแจกอย่างแน่นอน 

เมื่อดูเงื่อนไข 4 ประการของมาตรา 53 ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เพราะมีด่านสกัดอีกมาก มิพักต้องพิจารณาเงื่อนไขในมาตราอื่นๆ มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และมาตรา 57 ที่อาจทำให้ตกม้าตายได้ทุกเมื่อ 

สำหรับขั้นตอนต่อไป รัฐบาลเตรียมนำข้อหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาในคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่มีนายกฯ เป็นประธาน ในเร็วๆ นี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานต่างๆ อาทิ แบงก์ชาติ และสภาพัฒน์ จากนั้นก็ให้กระทรวงการคลังไปยกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำเข้า ครม.ต่อไป  

ซึ่งต้องจับตาว่าจะมี ครม.พรรคร่วมรัฐบาลไม่เข้าประชุม หรืองดออกเสียงหรือไม่ แม้ทุกพรรคจะยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนนโยบายบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่มีสงวนความเห็นไว้ว่าต้องถูกต้องตามกฎหมาย 

สมมุติว่า ครม.เห็นชอบก็จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดูข้อกฎหมายอีกครั้ง ก็ต้องดูว่ามีอะไรท้วงติงอีกหรือไม่ ก่อนนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อออกกฎหมายต่อไป 

ในขั้นของสภา รัฐบาลมี 314 เสียง จาก 500 เสียง ก็จะพยายามเข็นผ่านไปได้ แต่ในขั้นตอนของวุฒิสภาเป็นสิ่งที่น่าห่วงอยู่ไม่น้อย เพราะมี สว.ตัวตึงหลายคนออกมาส่งเสียงเตือนไว้ล่วงหน้า และบางคนต้องการทิ้งทวนก่อนอำลาตำแหน่งในเดือน พ.ค.นี้

โดยเตือนว่าหากยังดันทุรังก็เสี่ยงคุกทั้ง ครม. หรือถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ เพื่อสังเวยโครงการเรือธงของพรรคเพื่อไทย 

อย่างไรก็ตาม แม้ สว.จะปัดตกกฎหมายไม่ได้ แต่ก็มีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติม หรือยับยั้งร่างกฎหมายได้ ในทางการเมือง หากมีการยับยั้งกฎหมายโดยสภาสูง ก็เรียกว่ารัฐบาลเสียงรังวัดเป็นอย่างมาก และถือเป็นเผือกร้อนที่โยนกลับให้สภาล่างจะกล้ายืนยันร่างกฎหมายหรือไม่ 

หากสุดท้ายสภายืนยันร่างเดิมตามแนวทางของพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะมาถึงด่านสำคัญสุดคือศาลรัฐธรรมนูญ ที่เปิดโอกาสให้ สส.และ สว.ยื่นตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

โดยก่อนหน้านี้มีบทเรียนมาแล้วในสมัยพรรคเพื่อไทยยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เคยดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และสุดท้ายถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากบทสรุปเป็นเช่นนั้น อาจมีการเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบโดยนายกฯ ลาออกหรือยุบสภา  

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง มองแง่บวกถือเป็นทางลงของพรรคเพื่อไทย พร้อมอ้างกับประชาชนว่าได้พยายามผลักดันเต็มที่แล้ว แต่ถูกสกัดโดยศาลรัฐธรรมนูญ และไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับไว้ อีกทั้งก็ไม่ได้ถูกคว่ำกฎหมายตั้งแต่วาระแรกของสภา. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’

พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง

พิสูจน์กึ๋น“แม่ทัพใหม่กกต.” คุมบังเหียน2ศึกใหญ่ปีหน้า

ในช่วงปลายปี 2568 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง กระแสการเมืองไทยกำลังร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเด็นการเตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และการออกเสียงประชามติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2569

แก้รธน.วาระ2เร่งสรุปเนื้อหา วัดใจวาระ3ก่อนกดปุ่มยุบสภา

ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพุธที่ 10 ธ.ค. และครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…พุทธศักราช...ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว วาระ 2

ข้ามเส้นแดง“เผด็จศึกฮุน เซน” “เจ็บต้องจบ”ก่อนถูกห้ามมวย

การปรากฏตัวของขุนพล “มือขวา” ของ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “กัมพูชา” กำลังขยับเข้าสู่ปฏิบัติการเอาพื้นที่คืนจากไทย ที่เราได้ยึดมาได้ใน “สงคราม 5 วัน” ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!

รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569

หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง

โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล