เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จากพฤติกรรมสุดโต่ง “ตะวัน” น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรม และผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่อยู่ในระหว่างการประกันตัว ป่วนขบวนเสด็จของสมเด็จพระขนิษฐาเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ โดยร่วมกับพวกขับรถยนต์พยายามจะเข้าประกบขบวนพร้อมทั้งบีบแตรรบกวน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจท้ายขบวนสกัดไว้ได้
ย่ำหยีหัวใจคนไทยที่รักชาติรักสถาบันฯ หลายคนรับไม่ได้ต้องลุกออกมาปกป้องเสาหลักของประเทศ แต่ไม่หยี่หระ “ตะวัน” พร้อมพวกสามกีบกลุ่มทะลุวัง ใช้ห้างสยามพารากอนใจกลางเมืองที่มีคนพลุกพล่านช่วงวันหยุดจัดกิจกรรมทำโพล “คุณเดือดร้อนหรือไม่กับขบวนเสด็จ” จงใจท้าทาย นำสถาบันฯมาเป็นเครื่องมือ ซึ่งก็เป็นดั่งที่กลุ่มทะลุงวังต้องการ เมื่อเกิดการปะทะกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) เผยแพร่สู่สายตาชาวโลก “คนเห็นต่างถูกกระทำ” หวังเติมเชื้อไฟ
ไม่สำนึกยังออกมาแถสีข้างถลอก แถลงการณ์ “วันนั้นพึ่งกลับจากงานศพไปทำธุระแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่รู้ว่ามีขบวนเสด็จและไม่ได้ตั้งใจไปป่วน ไม่ได้ไปขวางขบวนเสด็จ เมื่อทบทวนเหตุการณ์คิดได้ว่าการขับรถเร็วไม่ระมัดระวังแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำขอโทษในส่วนนี้ จะนำมาปรับปรุงไม่ให้เกิดขึ้นอีก เรายังคงยืนยันในสิทธิและเสรีภาพในการตั้งคำถามแบบที่เราได้ถาม เรียกตำรวจว่าพี่ ไม่ได้พูดคำหยาบใด ๆ กับตำรวจ มีเพียงการตั้งคำถามเท่านั้น”
แต่พฤติการณ์ตรงกันข้าม ซึ่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตะวันจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ เคยจัดต่อเนื่องมาแล้วหลายครั้ง เมื่อปี 65 ตะวันพร้อมกลุ่มทะลุวัง จัดกิจกรรมสอบถามความคิดเห็นประชาชนทั่วไป ตั้งคำถามเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ เลยเถิดไปถึงหน้าวังสระปทุมมาแล้ว
“ไม่มีไฟก็ไม่มีควัน” นับแต่ปี 63 การชุมนุมทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่แยกกันเดินร่วมกันตี ทั้งกลุ่มทะลุแก๊ส ทะลุฟ้า ล้วนเป็นแนวร่วมม็อบสามนิ้ว ที่มีพรรคการเมืองอ้างเป็นนักประชาธิปไตยหนุนหลัง เช่นเดียวกันกับกลุ่มทะลุวัง ที่นำโดย “ตะวัน” เล่นบทคู่ขนานกับ สส.ในสภา เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ร่างกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้หยุดพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ
เห็นได้ว่าขบวนเสด็จบรมวงศานุวงศ์ทุกวันนี้แทบไม่มีการปิดจราจร แต่เป็นการจัดการจราจรไม่ให้กระทบต่อการจราจรของประชาชนที่กำลังใช้รถใช้ถนน เหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จ ถือเป็นเรื่องใหญ่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียก “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมคณะเข้าหารือมาตรการอารักขาความปลอดภัยขบวนเสด็จ
“บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ย้ำมีการวางระบบรักษาความปลอดภัยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์เป็นอย่างดี หนึ่งประโยคที่ “บิ๊กต่อ” ให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชนถึงมาตรการอารักขาความปลอดภัย “ขอให้เชื่อมั่นตำรวจ ขอบอกกับประชาชนว่า พวกเราดูแลพระองค์ท่านด้วยชีวิต” ข้าราชการทุกคนเป็นข้าราชการในพระองค์ที่จะดูแลความปลอดภัย ถือเป็นพันธกิจข้อแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในทางคดี “ตะวัน” คอพาดเขียง “บิ๊กต่อ” ลั่นจะทำคดีให้ถึงที่สุดขอเวลา 2 วันออกหมายจับ โดยกำชับพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดไม่ให้มีข้อครหากับทุกฝ่าย แต่ไม่ทันข้ามวันพนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ ชี้เหตุผลไม่เพียงพอขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวนอ้างติดเรียน ซึ่งมีรายงานศาลอนุมัติออกหมายจับ “ตะวัน”2 ข้อหา พ.ร.บ.คอมฯและ มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น พร้อมยื่นศาลเพิกถอนการประกันตัวชั่วคราว
แน่นอนพฤติกรรมของเด็กก้าวร้าวกลุ่มนี้จะดำเนินการกันเองเป็นไปไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่ “ผบ.ตร.” ออกมายอมรับที่กลุ่มทะลุวังออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้ออกมาเองแต่มีขบวนการอยู่เบื้องหลัง เป็นขบวนการอยู่ที่อยู่ในประเทศให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางให้กลุ่มทะลุวัง ส่วนจะเป็นใครเป็นนักการเมืองหรือไม่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลอยู่แล้ว รอหลักฐานชัดเจนกระชากหน้ากาก
ถึงแม้ พ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 จะไม่มีบทลงโทษกับผู้คุกคามขบวนเสด็จ แต่ถ้ากระทำผิดเข้าข้อกฎหมายใดก็สามารถดำเนินคดีได้ อย่าให้น้ำผึ้งหยดเดียวสร้างความแตกแยกของคนในสังคมเหมือนในอดีต
เจ้าหน้าที่ต้องจริงจังป้องปรามป้องกัน ทลายเครือข่ายอีแอบ เมื่อสถาบันเบื้องสูงคือศูนย์รวมใจของคนไทย!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


