5 ปมร้อนการเมืองไทยปีเสือดุ กับโอกาส 'บิ๊กตู่' อยู่ครบเทอม

เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังเตรียมเปลี่ยนปฏิทินปี 2564 เป็น 2565 ปีนักษัตรขาล อันเป็นช่วงเวลาที่คาดว่าการเมืองจะเข้มข้นร้อนแรงอีกครั้งหนึ่ง จนถูกมองว่าจะเป็น ปีเสือดุ ซึ่งหากดูตามปฏิทินการเมือง รวมถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคการเมือง-กลุ่มก้อนการเมืองต่างๆ จะพบว่ามีวาระร้อนๆ หลายเรื่องรออยู่ วันนี้ขอคัดมา 5 ไทม์ไลน์ อันประกอบด้วย

1.การเลือกตั้งซ่อม ชุมพร-สงขลา-หลักสี่ กทม.

ซึ่งตามคิวทั้งสามสนามเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2565 ทั้งหมด โดยตอนนี้พบว่าพรรคการเมืองปีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง มีการลงพื้นที่หาเสียงกันแล้วที่ชุมพรและสงขลา ซึ่งคู่ชิงหลักก็คือสองผู้สมัครจากพรรคร่วมรัฐบาล คือพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ ขณะที่พื้นที่หลักสี่พบว่าพรรคการเมืองทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคตั้งใหม่ประกาศจะส่งคนลงชิงชัย ไม่ว่าจะเป็นในซีกรัฐบาลคือ พลังประชารัฐ เจ้าของพื้นที่เดิม-ประชาธิปัตย์ และซีกฝ่ายค้านคือเพื่อไทยกับก้าวไกล รวมถึงพรรคใหม่ก็ลงด้วยเช่นกันคือ ไทยภักดีและพรรคกล้า ซึ่งผลที่ตามมายังไงก็จะมีการตัดคะแนนกันเองระหว่าง พรรคฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน-พรรคตั้งใหม่ จนทำให้สนามเลือกตั้งหลักสี่ต้องรอให้ถึงช่วงโค้งสุดท้าย ถึงพอจะประเมินได้ว่าพรรคไหนมีโอกาสชนะเลือกตั้ง

 และผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัดทางการเมืองได้หลายอย่าง ทั้งในส่วนของรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยเฉพาะกับพลังประชารัฐที่ส่งคนลงสมัครแบบหวังผลทั้งสามเขตเลือกตั้ง ซึ่งหากไม่สามารถกวาดชัยชนะได้หมดทั้งสามสนาม ก็คงมีผลทางการเมืองตามมากับคนในพลังประชารัฐ รวมถึงกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย

2.การแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัธรรมนูญ

ที่แก้ไขตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้ง ส.ส. นั่นก็คือการเสนอแก้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง และพ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเวลานี้ร่างแก้ไขของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นต่อประธานรัฐสภาไปแล้ว โดยคาดว่ารัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ทั้งสองฉบับในกลางเดือน ม.ค.65 ที่มั่นใจได้ว่าจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแน่นอนทั้งสองฉบับ เพียงแต่เนื้อหารายละเอียดจะมีการอภิปราย-เจรจาต่อรองกันระดับหนึ่ง โดยเห็นได้ชัดว่าสองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ จะเป็นฝ่ายคุมเกมโดยอาศัยเสียงข้างมากของสองพรรครวมกัน

 3.ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

ที่เห็นความคึกคักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังมีสัญญาณการเมืองหลายอย่างว่า รัฐบาล-กระทรวงมหาดไทยยากจะยื้อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ให้นานเกินกว่ากลางปี 2565 ไปได้อีกแล้ว จึงทำให้มีการเปิดตัวแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงคนที่สนใจจะลงสมัครก็เริ่มเปิดตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในปี 2565 คนกรุงเทพฯ ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน หลังไม่ได้เลือกกันมายาวนานร่วม 9 ปี ทำให้ปี 2565 ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะทำให้การเมืองคึกคักอย่างมาก และผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้หลายอย่างทางการเมือง โดยเฉพาะการชี้วัดเรื่องกระแสนิยมของคน กทม.ต่อพรรครัฐบาลและตัวพลเอกประยุทธ์ในเวลานี้

4.การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และการยื่นตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพลเอกประยุทธ์ 

มีการคาดหมายกันว่า ปี 2565 การเมืองในสภาจะกลับมาพีกสุด ก็ตอนที่ฝ่ายค้านจะใช้จังหวะเปิดประชุมสภาสมัยหน้า ในช่วงวันที่ 22 พ.ค.-18 ก.ย.65 ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ ซึ่งก่อนจะถึงตอนที่ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก พลเอกประยุทธ์ต้องมั่นใจในการคุมเสียง ส.ส.รัฐบาล  โดยเฉพาะในพลังประชารัฐที่จะยกมือไว้วางใจตนเองให้เกินกึ่งหนึ่งให้ได้ เพราะหากพลเอกประยุทธ์ไม่มั่นใจ เพราะเกรงว่าจะถูกเอาคืนจากกลุ่มธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และถูก ส.ส.รัฐบาลบางส่วนใช้จังหวะนี้ต่อรองการเมือง

 หากสถานการณ์เป็นแบบนั้น ก็อาจทำให้พลเอกประยุทธ์ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะหากปล่อยให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอก เพียงแค่ยื่นญัตติเท่านั้นยังไม่ต้องอภิปราย นายกฯ ก็หมดอำนาจทางการเมืองแล้วเพราะยุบสภาไม่ได้ จนทำให้พลเอกประยุทธ์อาจอยู่ในสภาพถูกกดดันต่อรองอย่างหนัก เพื่อแลกกับเสียงโหวตไว้วางใจเหมือนที่เคยเจอมาแล้วตอนซักฟอกรอบล่าสุด  ดังนั้นก่อนเปิดประชุมสภาเดือน พ.ค.ปีหน้า ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังเคลียร์กับธรรมนัสไม่ได้ ก็น่าติดตามว่าอาจเกิดจุดเปลี่ยนการเมืองเกิดขึ้นก่อนศึกซักฟอกก็ได้

นอกจากนี้ในช่วงก่อนถึง ส.ค.65 ให้ติดตามดูเช่นกัน ที่หากไปถึงช่วงนั้นแล้วพลเอกประยุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่ง ถึงยังไงฝ่ายค้านคงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ของพลเอกประยุทธ์ ว่าเมื่อไปถึงช่วง ส.ค.65 พลเอกประยุทธ์ถือว่าอยู่เกินแปดปีที่เป็นข้อห้ามของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือไม่

ประเด็นนี้ก็น่าสนใจเช่นกันว่า จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ ตามมาหรือไม่ หากผลคำวินิจฉัยของศาล รธน.ออกมาไม่เป็นคุณกับพลเอกประยุทธ์

 ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ผ่านทั้งสองศึกหนักข้างต้นไปได้  และประคองตัวไปจนสภาปิดในเดือน ก.ย.ปีเดียวกัน ถึงตอนนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงแล้วที่จะอยู่ครบเทอม

5.สถานการณ์ม็อบสามนิ้ว

โดยแม้ปัจจุบันแกนนำม็อบสามนิ้วหลายคนจะอยู่ในเรือนจำ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่แกนนำและแนวร่วมอีกหลายคนแม้จะได้รับการประกันตัวไปแล้ว แต่เกือบทั้งหมดต่างมีชนักติดหลังที่ทำให้เคลื่อนไหวแบบก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว หากทำก็เสี่ยงที่จะถูกศาลยกเลิกคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว จนอาจต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ทำให้มีการมองกันว่าข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้การเคลื่อนไหวของม็อบต่อจากนี้จะไม่พีกเหมือนเดิม          

อย่างไรก็ตาม สำหรับท่าทีของแกนนำและแนวร่วมบางส่วน พบว่าหลายคนยืนยันจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกในปีหน้า  โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 สถานการณ์ของม็อบสามนิ้วในปี 2565 จึงเป็นอีกปมร้อนการเมืองที่ต้องจับตามอง

5 ปมร้อนสถานการณ์การเมืองปีเสือดุดังกล่าว จึงทำให้เห็นได้ชัด การเมืองไทยปีหน้ายังร้อนแรงต่อเนื่อง  ทั้งการเมืองในรัฐสภาและนอกรัฐสภา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กโจ๊ก’ดิ้นสู้หัวชนฝา ยื้อแผน‘ฆ่าให้ตาย’

ความเคลื่อนไหวของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เที่ยวล่าสุด ถือเป็นการเขย่าวงการการเมือง ตำรวจ และองค์กรอิสระ

'อนุทิน' การันตี ภท. ไม่ปรับ ครม. ชี้ 8 รมต. ทำงานคืบหน้า

'อนุทิน' ย้ำรัฐมนตรีภูมิใจไทย 8 คน ไม่มีขยับ ชี้ทุกคนทำงานเต็มที่ผลักดันนโยบายคืบหน้าตลอด นายกฯ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม. พร้อมอุ้ม 'เกรียง' มอบ พช. ดูแลเพิ่มอีกกรม

‘โจ๊ก’ ลั่นคนใต้เลือดนักสู้! ยื่นป.ป.ช.สอบ ‘เศรษฐา’ ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตั้ง ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร.

‘บิ๊กโจ๊ก’ สู้หมดหน้าตัก ยื่นสอบ 'เศรษฐา' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็นผบ.ตร. เตือนนายกฯ ให้ทำตามกม. เชื่อโดนรุมกินโต๊ะสกัดนั่งผบ.ตร.

นายกฯ เปิดประชุมประจำปี ESCAP ย้ำการบรรลุเป้าหมาย SDGs ผลักดันใช้นวัตกรรมดิจิทัล

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงเปิดการประชุมประจำปี ESCAP ย้ำการบรรลุเป้าหมาย SDGs ผลักดันการใช้นวัตกรรมดิจิทัล เพื่อการพัฒนา รวมทั้งหามาตรการจัดการความเสี่ยง ให้เกิดการใช้ดิจิทัลแบบ ปลอดภัย มั่นคง เท่าเทียม