จับตา“เพื่อไทย”งูเห่าพลังประชารัฐ ผสมพันธุ์การเมือง

ตลอดปี 2565 

เชื่อว่า พรรคการเมือง นักการเมือง ต่างเฝ้ารอใน 2-3 เรื่องสำคัญทางการเมือง เรื่องแรก กฎหมายลูกเกี่ยวกับพรรคการเมือง ระบบการคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อรองรับระบบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะออกมาในรูปแบบใด จะมีวิธีการคิดคำนวณที่ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันได้หมดหรือไม่ คงต้องรอไปถึงราวๆ เดือนพฤษภาคม หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้ง คาดกันว่าคงจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น  

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล และพรรคน้องใหม่ พรรคไทยสร้างไทย พรรคกล้า พรรคไทยสร้างสรรค์ เตรียมส่งผู้สมัครเพื่อเช็กกระแสความนิยม คนกรุง อันเป็นตัวสะท้อนคนชั้นกลางคิดเห็นอย่างไรต่อพรรคการเมืองนั้นๆ ที่สามารถนำผลคะแนนที่ออกมาไปต่อยอดในสนามเลือกตั้งใหญ่ได้  

ประเด็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป จะเกิดในห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งในปี 2565 ตามที่นักวิเคราะห์การเมือง กองแช่งอยากให้เป็นจะเกิดขึ้นจริงๆ ในปี 2565 หรือทอดยาวออกไป ท่ามกลางเสถียรภาพความสั่นคลอนระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ที่มีตัวแปรกจากกลุ่ม-ก๊ก-ก๊วน อันส่งผลต่อรัฐนาวาประยุทธ์ จะมีอันเป็นไปก่อนเวลาอันควรหรือไม่  

แม้จะมีกระแสข่าวหนาหูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะทิ้งทวนงานสำคัญ การประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายปี 2565 ให้ผ่านงานสำคัญงานนี้ไปก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอย่างใด อย่างหนึ่งทางการเมือง  

หากเป็นไปตามนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลประยุทธ์จะอยู่จนเกือบจะครบวาระ การดำรงตำแหน่ง 4 ปี พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ยังคงเป็นแกนนำในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ด้วย รูปการ เหตุการณ์ต่างๆ นานาทางการเมือง สถานการณ์ผู้ชุมนุม ปัจจัยเศรษฐกิจ ปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ปัจจัยการเมืองที่มาจากพรรคพลังประชารัฐด้วยกันเอง และพรรคร่วมรัฐบาลจะสั่นคลอน จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กดปุ่มยุบสภากันก่อนเวลาอันควรหรือไม่ เป็นเรื่องที่ ประมาทไม่ได้เช่นกัน  

ขบวนการโค่นล้มนายกรัฐมนตรียังไม่เคยจางหาย 8 ปีประยุทธ์ที่อยู่ในอำนาจมันยาวนานเกินไปสำหรับคนบางกลุ่ม กลุ่มอำนาจเก่า และกลุ่มอำนาจใหม่ที่พร้อมผสมโรง กลุ่มม็อบนอกสภา กระแสอาจจะซาลงไป แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน ยังพร้อมกลับมา เขย่าขวัญรัฐบาลประยุทธ์ หากช่วงจังหวะเวลา เงื่อนไขได้ 

เกมการเมืองในสภา แน่นอนพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ เพื่อชาติ พลังปวงชนไทย อยากจะให้ประยุทธ์ไปวันนี้พรุ่งนี้โดยเร็ววัน แต่เมื่อพิจารณาจากช่องทางที่จะโค่นล้มนายกรัฐมนตรีลงได้โดยชอบธรรม ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องได้รับเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ด้วยคะแนนเสียง จำนวนมือ พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เพียงพอ จึงไม่อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กระเด็นหลุดจากตำแหน่งได้ 

ด้วยระบบกฎ กติกาใหม่ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส.ส.เขต 400 ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 และการคำนวณคะแนนที่จับต้องได้ตามหลักคณิตศาสตร์ ขุนพลแกนนำเพื่อไทยมองว่าเข้าทางเพื่อไทย ตั้งความหวัง “แลนสไลด์” โดยเฉพาะ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เคยหล่นวาทกรรมเอาไว้อย่างน่าคิด ‘ตั้งเป้าเอาไว้จะต้องได้ 253 เสียงขึ้นไป เพื่อปิด 250 ส.ว.’ ส่วนจะสำเร็จตามเป้าประสงค์ จะแลนด์สไลด์ตามที่พลพรรคเพื่อไทยและคนแดนไกลวาดหวัง  

หากเป็นไปตามที่เพื่อไทยวาดฝัน ไม่เกิดอุบัติเหตุการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดการชนะอย่างถล่มทลายขึ้นมาจริงๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ 

ทว่า หากเสียงที่แพ้-ชนะต่างกันเพียงไม่กี่เสียง เหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ทั้งเพื่อไทย พลังประชารัฐ แย่งชิงกันจัดตั้งรัฐบาล แม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะรวบรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลได้ 

แต่ยังเหลือขั้นตอนสำคัญในขั้นโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ให้เอกสิทธิ์ ส.ส.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างเปิดเผย  

ที่ในวันนี้เริ่มมีการพูดถึงปฏิบัติการเปลี่ยนนายกน กลางสภา ในขั้นโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ ส.ส.บางกลุ่มแม้จะอยู่ในพรรคนั้น แต่จะโหวตนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อให้คนจากอีกพรรคบนสมการ หากเสียงเหลื่อมล้ำกันไม่มาก ที่สามารถใช้เสียงงูเห่าเพื่อทำให้เกิดการพลิกผันทางการเมืองได้   

เพื่อไทย พลังประชารัฐ โดยขั้วถูกมองว่า ยืนคนละฟากฝั่งทางการเมือง แต่มองลงไป เพื่อน ส.ส.หลายคน ที่ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ ส.ส.หลายสมัย แกนนำทั้ง 2 พรรค ล้วนมีสายสัมพันธ์อันดี ยิ่งไปกว่านั้นแกนนำบางคนในพลังประชารัฐ ที่มีกลุ่ม ส.ส.ในมือหลายสิบคน ยังต่อสายพูดคุยกับ คนแดนไกล ผู้มีอำนาจตัวจริงในเพื่อไทยอยู่ตลอดเวลา 

และด้วยรอยแผลบวกแรงแค้นของคนบางกลุ่ม ที่แม้จะผิดหวังปฏิบัติการโค่นนายกรัฐมนตรีในสภาครั้งที่แล้วจบลงด้วยชัยชนะ กลุ่มผู้สนับสนุนประยุทธ์ ฝ่ายแพ้กลายเป็นกบฏ ถูกตราหน้า หมายหัว แต่แรงเคียดแค้น ความชิงชัง ไม่ได้จบลงตามไปด้วย ยังคงมีอำนาจเป็นตัวขับเคลื่อนและมีอิทธิพลในกลุ่มเพื่อน ส.ส.หลายสิบชีวิต แถมยังมีแบ็กอัพชั้นดี ที่แม้แต่ นายกรัฐมนตรียังยำเกรง   

 “แผนกบฏการเมืองล้มนายกรัฐมนตรี” เคยถูกยกให้เป็นเหตุการณ์แห่งปี 2564 การเมืองที่ว่ากันด้วยเรื่อง อำนาจและผลประโยชน์ ใครคนหนึ่งที่เคยคิดว่า กำราบ เอาอยู่แล้ว ใช่จะ วางใจได้เสมอไป.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)