การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน นับจากนี้เชื่อได้ว่าจะขาดสมาธิในการทำงาน และต้องคอยพะวงกับการสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ในคดี 40 สว.ร้องกรณีทูลเกล้าฯ พิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรีแน่นอน
เพราะแม้ศาล รธน.จะลงมติด้วยคะแนนเฉียดฉิว 5 ต่อ 4 รอดพ้นจากการให้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไปได้ แต่การที่ต้องตกเป็น ผู้ถูกร้องในศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย ก็ทำให้เศรษฐาต้องเอาเวลา-สมาธิมาคอยเตรียมสู้คดี เพราะตอนนี้ถือว่ายืนอยู่บนเส้นด้าย โอกาสจะหลุดจากเก้าอี้นายกฯ อยู่หรือไปพอๆ กัน
อีกทั้งยังต้องคอยเสียสมาธิกับ ข่าวลือ-กระแสข่าว เรื่อง นายกฯ สำรอง ที่ทักษิณ ชินวัตร-เพื่อไทยเตรียมไว้ และเชื่อว่าใกล้ถึงวันตัดสินคดีข่าวจะยิ่งลือหนักไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นอาจลือไปถึง “ดีลใหม่-ตั้งรัฐบาล” ในสูตร “ล้างไพ่ใหม่” ที่ทักษิณ ต้องเตรียม ไพ่ไว้หลายใบ เพื่อสแตนด์บายเอาไว้รองรับหากเศรษฐาไม่รอด ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ
สถานการณ์แบบนี้รับรองเกิดขึ้นแน่ และย่อมทำให้เศรษฐาต้องว่อกแว่ก เพราะกลัวจะถูกทักษิณลอยแพ คอยหานายกฯ สำรองมาแทนตัวเอง
เพราะสถานการณ์คดีของเศรษฐาในชั้นศาล รธน.เวลานี้ มันย่อมทำให้ทักษิณก็ต้องคิดเช่นกันว่าเศรษฐาอาจไม่รอด และประวัติศาสตร์การเมืองอาจซ้ำรอย คือ นายกฯ จากปีกเพื่อไทยต้องหลุดจากนายกฯ เป็นคนที่ 4
หลังก่อนหน้านี้ สามอดีตนายกฯ ตั้งแต่ยุคพรรคพลังประชาชน ที่ตั้งใหม่หลังไทยรักไทยโดนยุบพรรค และตามด้วยนายกฯ จากเพื่อไทยหลุดจากนายกฯ จากผลคำตัดสินของศาล รธน.มาแล้วแบบติดๆ กันถึงสามคน
เรียงตามลำดับคือ ยุคพรรคพลังประชาชน “สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ จากคดีชิมไปบ่นไป”-“สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น้องเขยทักษิณ ที่แม้จะไม่ได้หลุดจากนายกฯ จากคำร้องแบบส่วนตัว เพราะหลุดจากนายกฯ ในคดียุบพรรคพลังประชาชน กรณีซื้อเสียงที่เชียงราย แต่ก็ต้องหลุดจากนายกฯ จากผลคำตัดสินของศาล รธน. จนทำให้การเมืองพลิกขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทน ในช่วงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่มีการล้อมสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ” และคนที่สาม “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยุครัฐบาลเพื่อไทย ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ในช่วงการชุมนุมของ กปปส.”
จากบทเรียน 3 อดีตนายกฯ ของพลังประชาชน-เพื่อไทยต้องหลุดจากตำแหน่งดังกล่าว มันจึงเป็นภาพหลอนการเมืองที่ทำให้ทักษิณต้องเตรียมแผนสำรองไว้หลายแผน
เพราะแม้ทักษิณจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ต้องการให้ “บุตรสาว อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 4 ของเครือข่ายวงศ์ตระกูล “ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์” ต่อจากทักษิณ-สมชาย-ยิ่งลักษณ์
กระนั้นทักษิณรู้ดีว่า หากเศรษฐาไม่รอด หลุดจากนายกฯ ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า ศาล รธน.น่าจะใช้เวลาพิจารณาคดีของเศรษฐาไม่เกิน 3 เดือน คือ อาจนัดตัดสินประมาณสิงหาคมปีนี้
แต่สามเดือนต่อจากนี้ทักษิณและคนในเพื่อไทยก็เห็นแล้วว่า อุ๊งอิ๊งยังไม่พร้อมขึ้นเป็นนายกฯ เพราะ สส.ก็ไม่เคยเป็น รัฐมนตรีก็ไม่เคยเป็น แล้วจะพาสชั้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ยากต่อการยอมรับจากประชาชน
ผนวกกับทักษิณยังมีเรื่องติดค้างที่ต้องทำให้เสร็จ นั่นก็คือต้องพา “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย ซึ่งหากจะเอาตัวยิ่งลักษณ์กลับมาในช่วงอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ แบบ
“อุ๊งอิ๊ง นายกฯ ช่วยอาปู ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว”
มันเสี่ยงที่อุ๊งอิ๊งจะโดน “หอก-ดาบ” การเมืองเช็กบิลได้ง่ายๆ อาจถึงขั้น โดนเอาผิดอาญา เสี่ยงติดคุก-ต้องหนีไปต่างประเทศ ก็ได้ หากหมากที่วางไว้ในการช่วยยิ่งลักษณ์กลับไทยผิดพลาด
ดังนั้น การประคองให้เศรษฐาเป็นนายกฯ ไปก่อนในช่วงนี้เพื่อรอให้อุ๊งอิ๊งพร้อมกว่านี้ และรอให้ยิ่งลักษณ์กลับมาก่อน จึงเป็นทางเลือกที่ทักษิณต้องการมากกว่า
เว้นเสียแต่ เจอไฟลต์บังคับจริงๆ เศรษฐาไม่รอด ต้องหลุดจากนายกฯ ถ้าไปจุดนั้นจริง ทักษิณก็อาจต้องยอมดันอุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯ ก็ได้
หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็อาจต้องพึ่งบริการ อีกหนึ่งแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย ชัยเกษม นิติศิริ ขัดตาทัพไปก่อน เพราะทักษิณ-เพื่อไทยคงไม่อยากที่จะให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย ขึ้นมาเป็นนายกฯ ส่วนสูตรเพื่อไทยจะพลิกขั้วไปจับมือกับพรรคก้าวไกล หลายคนมองว่าก็ยังอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ดูแล้วทักษิณน่าจะยังต้องการจับมือกันกับพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันมากกว่า
ฉากทัศน์การเมืองข้างต้นคือสิ่งที่เศรษฐาจะต้องเจอหลังจากนี้ ทั้งการต้องคอยเอาเวลา-สมาธิไปเตรียมสู้คดีในชั้นศาล รธน.-การต้องรับมือกับข่าวลือจะหลุดจากนายกฯ-สูตรตั้งรัฐบาลใหม่ หลังเศรษฐาหลุดจากนายกฯ เป็นต้น
ซึ่งเรื่องการสู้คดีในชั้นศาล รธน. ดูจากรูปคดี เป็นไปได้สูงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะ เปิดห้องพิจารณาคดีไต่สวนคำร้อง เพื่อเรียกผู้ถูกร้องคือเศรษฐา-ผู้ร้องคือตัวแทนกลุ่ม 40 สว. และพยานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ
เพราะเนื้อคดีตามคำร้อง ตลอดจนผลการลงมติที่แบ่งออกได้เป็นสามมติ คือ 6 ต่อ 3 ให้รับคำร้อง, 8 ต่อ 1 ให้จำหน่ายคดีสำหรับผู้ถูกร้องที่ 2 (พิชิต ชื่นบาน เพราะลาออกจาก รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี) ตามด้วย 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
แสดงให้เห็นชัดว่า ตุลาการศาล รธน.ทั้ง 9 คนเสียงแตก ไม่เห็นไปในทิศทางเดียวกัน การไต่สวนข้อเท็จจริงจากการสอบถามพยานจึงเป็นเรื่องจำเป็นไม่น้อย
อีกทั้ง คำร้องดังกล่าวมีประเด็นเรื่องต้องไต่สวนข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่เรื่องการวินิจฉัยข้อกฎหมายอย่างเดียว
เช่น การต้องไต่สวนหาข้อเท็จจริง กรณีมีการทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ เรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของพิชิต ซึ่งตุลาการศาล รธน.คงจะมีการสอบถามว่า หนังสือดังกล่าว เหตุใดเลขาธิการ ครม.ถึงส่งไปถึงกฤษฎีกา ใครเป็นคนสั่ง และทำไมถึงเลือกถามในประเด็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อนายพิชิตในการเป็นรัฐมนตรี
ดักทางไว้เลยว่า อาจได้เห็นฝ่ายการเมืองในทำเนียบรัฐบาล ปัดสวะ โยนให้ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.รับผิดชอบไปคนเดียวก็ได้
เบื้องต้นคาดการณ์ไว้ว่า ศาล รธน.น่าจะเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำกลางห้องพิจารณาในวันไต่สวนคดี ดังนี้
เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ในฐานะผู้ถูกร้อง-พิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี-ตัวแทนกลุ่ม 40 สว.ที่คาดว่าจะส่ง ดิเรกฤทธิ์ เจนคลองธรรม-นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.-ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นต้น
และจะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่อาจได้เห็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยขึ้นให้ถ้อยคำกลางห้องพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะไปลุ้นกันต่อว่า เศรษฐาจะหลุดจากนายกฯ หรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

