สนามเลือกสว.ลาก-ล้ม-เลือก ศาลฯรับคำร้องกติกาขัดรธน.

การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แทน สว.ชุดปัจจุบันที่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง ส่อเค้ามีปัญหาเหมือนที่ “แสวง บุญมี” เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งข้อความผ่านไลน์ 

โดยมีเนื้อหาระบุตอนหนึ่งว่า “เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์และความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา รวมทั้งการรับข้อมูลจากหลายด้าน มีสัญญาณมาโดยตลอดว่า นับแต่มีพระราชกฤษฎีกาเลือก สว.ก็จะมีแรงเสียดทานเข้มข้นมากขึ้นตลอดมา ซึ่งแรงเสียดทานอาจมีรูปแบบเป็นไปตามลักษณะและพฤติการณ์การแสดงออกของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีแรงจูงใจทางการเมืองและทั้งที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมือง พอจะจำแนกได้เป็น รูปแบบที่ 1 เลื่อนหรือลากการเลือก สว.ออกไป รูปแบบที่ 2 ล้มการเลือก สว.และรูปแบบที่ 3 เลือก แต่กดดันให้ได้ผลตามเป้าหมายที่หวังไว้ แต่ไม่ว่าจะรูปแบบใด ก็ขอให้เป็นแค่การคาดการณ์ อย่าให้เกิดขึ้นจริง เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงย่อมไม่เกิดผลดีกับบ้านเมืองอย่างแน่นอน” 

หากมองบริบทโดยรอบ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของแต่ละ สว. เหมือนเป็นนกรู้ว่าต่อไปข้างหน้า “อนาคตของ สว. ชุด 20 กลุ่มอาชีพ” จะเป็นอย่างไร จะเห็นว่าสอดรับกับสถานการณ์ที่ “แสวง” กล่าวไว้ข้างต้นจริง

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา สว.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. แสดงความกังวลว่า หากมีปัญหาการเลือก สว.ที่เป็นระบบการเลือกแบบลูกโซ่ 3 ระดับ หากมีผู้ทำผิดระดับอำเภอบางอำเภอ ถูกตัดสิทธิ์ แล้วไปเลือกระดับจังหวัด และระดับประเทศ หากไม่ตัดไฟแต่ต้นลม อาจจะทำให้การประกาศเลือก สว.ไม่เป็นไปตามกำหนดเวลาที่ กกต.ระบุไว้ วันที่ 2 ก.ค.นี้

วันเดียวกัน สว.สมชาย แสวงการ ไล่หวด กกต.ให้ตรวจสอบผู้สมัคร สว.อย่างจริงจัง ต้องเอาผิดนักการเมืองท้องถิ่นผู้ว่าจ้าง นักการเมือง พรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง ขบวนการจ้างลงสมัคร สว. อีกทั้งยังเปิดโพยรายชื่อ 149 ผู้สมัครที่จะได้ผ่านเข้ารอบตัดเชือก!!!

นอกจากนี้ “สมชาย” สว.หลายสมัย ยังเปิดฉากพูดเป็นคนแรกๆ ด้วยว่า

เพิ่งตรวจเจอปัญหาใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก สว. มาตรา 40 41 และ 42 (3) ที่เขียนบอกให้ผู้เลือกในระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ เลือกตนเองก็ได้ นั่นหมายความว่าไม่เลือกก็ได้ ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้คนที่รับจ้างเข้ามาสามารถเลือกคนอื่นได้หมด ถือเป็นการผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การบัญญัติไว้แบบนี้ทำให้สามารถจัดคนมาลง เกิดการฮั้วและบล็อกโหวตได้

นี่ก็เป็นความวุ่นวายที่บังเกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการเลือก สว.ระดับอำเภอ ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. นักวิชาการและผู้สนใจการเมืองตั้งคำถามว่า หากตั้งแต่ต้นมีการฮั้ว มีการทุจริตกัน แล้วผ่านเข้ารอบมาไม่ว่าจะระดับใด จะถือว่าการเลือกนั้นๆ ถูกต้องหรือไม่ ถ้าผิด จะต้องมีการจัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้นหรือไม่

ยังไม่ทันครบ 24 ชั่วโมง ตามที่ “สมชาย” เปิดหัวไว้ ล่าสุด ช่วงเที่ยงของวันที่ 5 มิ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 รับคำร้อง กรณีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 36 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) ว่าด้วยเรื่องวิธีการเลือก สว.ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่

อีกทั้งมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลกำหนด และ จัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่ร้องให้คุ้มครองชั่วคราวนั้น ศาลฯ เห็นว่ายังไม่ปรากฏว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง อีกทั้งหาก กกต.เห็นว่าจะเกิดความเสียหายดังกล่าว ย่อมมีหน้าที่และอำนาจที่จะดำเนินการได้ตามกฎหมาย

หรือหมายความว่า จากวันนี้จนถึงวันอาทิตย์ที่จะถึง ความกดดันทั้งหมดตกอยู่ที่ กกต.ในภายหลังหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เป็นคุณต่อการเลือก สว. ความรับผิดชอบนั้นจะอยู่ที่ใคร ถ้าไม่ใช่ กกต. จะเรียกว่าโดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลยก็ว่าได้ ฉะนั้น การไม่ปล่อยปละละเลย ไม่เพิกเฉย และแสดงความพยายามการทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างจริงจัง จริงใจ จะเป็นเกาะกำบังให้กับ กกต.มากที่สุด

โดยแบบทดสอบด่านแรกคือ การเลือก สว.ระดับอำเภอ ในวันที่ 9 มิ.ย. กกต.จะเอาอย่างไร???

 เพราะนับวันข้อมูลประชาชนรับจ้างลงสมัคร สว.ยิ่งจะมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปล่อยผ่านเข้ารอบได้แม้แต่คนเดียว แล้วความจริงปรากฏในวันนั้น งานงอกแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง

‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก