ชาวปทุมธานียังคงต้องรอกันต่อไปสำหรับตัวนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นชอบคำสั่งให้ใบเหลือง ให้มีการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีใหม่ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ กกต.มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และเห็นชอบประกาศให้ย่นระยะเวลา และงดเว้นการดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้งบางประการ เพื่อให้ทันต่อระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งใหม่ที่จะต้องจัดภายใน 30 วัน ส่วนของการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่จะเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด
โดยมติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังพิจารณาสืบเนื่องมาจากมีการกล่าวหาว่า ชาญ พวงเพ็ชร์ หรือลุงชาญใจดี ผู้ได้รับเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน จากการจัดฉลองอุปสมบทให้กับสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ บุตรชาย กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2567 และนายใหญ่ "ทักษิณ ชินวัตร" ได้เดินทางไปร่วมงาน มีเป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 มิได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
แม้จะไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่า “ลุงชาญ” กระทำความผิดหรือไม่ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าทีมของนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี เป็นทีมเดียวกันกับ “ลุงชาญ” และการที่ “ทักษิณ” ไปร่วมงาน และพบปะพูดคุยกับผู้ร่วมงานซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวมถึงคนเสื้อแดง เป็นการกระตุ้นคะแนนนิยมให้ลุงชาญ แม้ กกต.ปทุมธานีจะยกคำร้อง แต่ กกต.มองว่าเรื่องนี้มีเค้ามูลจึงสั่งให้ใบเหลืองไว้ก่อน
นั่นหมายความว่าการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้ยังคงผู้สมัครหน้าเดิมไว้อยู่ ทั้ง “ลุงชาญ” อดีตผู้ชนะ และ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง จะได้มีโอกาสแก้ตัวหลังจากที่ครั้งก่อนพ่ายแพ้ลุงชาญด้วยคะแนนเพียงแค่หลักพัน ถ้าย้อนดูการเลือกตั้ง อบจ.ปทุมธานีครั้งที่ผ่านมา มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 949,421 คน มาแสดงตนขอรับบัตรเลือกตั้ง 472,536 คน โดยลุงชาญเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ได้ 203,032 คะแนน ส่วนบิ๊กแจ๊ส ได้ 201,212 คะแนน
ทำให้การเลือกตั้งใหม่ผลเสียจะตกไปที่ลุงชาญโดยตรง และความได้เปรียบจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากลุงชาญยังมีชนักติดหลังจากทั้งจากกรณีเดิมปมมหรสพ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ กกต.แจกใบเหลือง และอีกปมที่ใหญ่กว่านั้น คือ คดีการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี พ.ศ.2555 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2564 ลงมติชี้มูลความผิด “ลุงชาญ” และพวก กรณีถูกกล่าวหาทุจริตในการจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 ครั้ง เมื่อปี 2554 มูลค่านับล้านบาท โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ก.ย.นี้
จากมติของ ป.ป.ช. มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ลุงชาญจะไม่ได้ไปต่อทางการเมืองหลังจากนี้ แต่ถ้าคดีพลิก ศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด จะทำให้ “ลุงชาญ” พ้นมลทิน และจะยังได้ใช้โอกาสนี้เรียกคะแนนเห็นใจจากคนปทุมฯ ในช่วงการหาเสียงได้
ซึ่งภายหลังจาก กกต.มีมติแจกใบเหลือง “ลุงชาญ” ได้ออกมาดิ้นทันควัน โดยบอกว่า “พี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีสงสัยครับ วันนี้การเมืองก็โจมตีว่าผมทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งผมทำตามกฎเกณฑ์ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันผิดตรงไหน ร้องเรียนผมตรงไหน แล้ว กกต.แก้ไขตรงไหน ผมให้ปากคำ กกต.ไปแล้วตามข้อเท็จจริง ประชาชนก็ถามว่านายกชาญได้ใบเหลืองคดีอะไร ก็บอกกว้างๆ เลยว่าไปงานบวชลูกนายกเบี้ยว หาว่าเรามีส่วนได้เสีย ผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามีส่วนได้เสียตรงไหน แจกบัตรแนะนำตัวเสร็จผมก็กลับ ขอฝากพี่น้องประชาชนว่า ข่าวจะโจมตีผมยังไง วันนี้ลุงชาญไม่ได้ขาดคุณสมบัติ กกต.ยังบอกว่าลงต่อได้ ฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องได้เลือกผมเถอะครับ เลือกลุงชาญใจดีเบอร์ 1 เข้ามาทำงานให้กับคนปทุมธานี ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ผมเป็นคนที่เสียใจแทนพี่น้องประชาชน แต่วันนี้อยากจะกลับมารับใช้ชาวปทุมธานีเช่นเดิมนะครับ”
แต่ ณ ตอนนี้โอกาสที่ลุงชาญจะรอดน้อยกว่าไม่รอด นั่นจึงทำให้นายใหญ่เพื่อไทยอาจจะไม่เปย์ใจหนักลงพื้นที่ช่วยลุงชาญหาเสียง หรือเกณฑ์ไพร่พลสนับสนุนเหมือนครั้งก่อน เพราะฝั่งพรรคเพื่อไทยทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้เป็นเสมือนมัดมือชกให้ “บิ๊กแจ๊ส” เป็นฝ่ายชนะ เพราะคนของตัวเองชนะเพียงไม่กี่คะแนน อีกทั้งยังมีมลทินอยู่
หรือนี่อาจจะเป็นสัญญาณว่า วลีเด็ด “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ของบิ๊กแจ๊ส กำลังจะกลับมาอีกครั้ง เพราะการเมืองไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร มีแนวโน้มว่าทักษิณจะกลับมาอ้อน “บิ๊กแจ๊ส” อีกครั้ง และ “บิ๊กแจ๊ส” ก็ไม่เคยเปิดวิวาทะสงครามกับทักษิณ แม้ช่วงที่ “ทักษิณ” เมินและหันหัวไปหาลุงชาญ “บิ๊กแจ๊ส” ยังเคยระบุว่า ..พี่ทักษิณ ชินวัตร ผมยังคงเคารพรัก ระบบในโรงเรียนนายร้อยตำรวจเรา พี่เขารุ่น 26 ผมรุ่น 30 อย่างไรรุ่นก็ตามไม่ทัน ผมรุ่น 30 ก็ติดตัวผมจนตาย พี่ษิณรุ่น 26 ผมก็เป็นน้องเขาตลอดชีวิต แต่วันนี้การเมืองพี่เขาจะลงมาถล่มผมอย่างไรไม่มีปัญหา พี่เขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ผมยืนยันว่าผมเป็นน้องเขาตลอดชีวิต แล้วผมจะเคารพนับถือเขาตลอดชีวิต ผมจะไม่มีไปละลาบละล้วง ไปด่าพี่ ไปว่าพี่ จะไม่มีออกจากปากผมโดยเด็ดขาด เคารพพี่เขาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ใครจะพูดใส่ร้ายอย่างไร ซึ่งไม่เคยออกจากปากผม.. ทำให้มีโอกาสสูงที่ความสัมพันธ์ทั้งคู่จะกลับมาหวานชื่นอีกครั้ง
ตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อ “บิ๊กแจ๊ส” นั่นคือโหวตเตอร์ที่ไม่ได้มาเลือกตั้งกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในปทุมธานี ที่ครั้งที่แล้วบางคนอาจติดธุระต่างๆ จึงไม่สามารถมาเลือกตั้งได้ อาจทำให้ "บิ๊กแจ๊ส" กลับมาเข้าวินเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี สมัยที่ 2 อีกครั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


