แม้ "บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะไม่ยอมบอกว่ารายชื่อว่าที่เลขาธิการ สมช.คนใหม่ ที่เคาะออกมาจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา จะเสนอชื่อใครเป็นเลขาธิการ สมช. โดยบอกแต่เพียงว่าได้ชื่อแล้ว และจะเอาชื่อเข้า ครม.อังคารที่ 8 ต.ค. แต่ทั้งหมดอยู่ที่การพิจารณาของนายกฯ และที่ประชุม ครม.
กระนั้นข่าวหลายกระแสชี้เปรี้ยงไปแล้วว่า ว่าที่เลขาธิการ สมช.คนใหม่ จะเป็น คนใน-ลูกหม้อ จากตึกแดง สมช. โดยรอบนี้ไม่มีการเหาะข้ามถ้วยมาจากไหน และบุคคลดังกล่าวก็คือ ฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการ สมช.อาวุโสอันดับ 1 ซึ่งปีที่แล้วยอมหลีกทางให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ แต่ปีนี้ข่าวหลายกระแสบอกว่า รัฐบาลเพื่อไทยตกลงจะใช้คนใน ไม่เอาคนนอก ทั้งบิ๊กทหาร-บิ๊กตำรวจ อย่างที่มีกระแสข่าวในตอนแรก
ดูกันว่าสุดท้ายกระแสข่าวฉัตรชัยจะได้เป็นเลขาธิการ สมช.สายพลเรือนที่มาจากคนใน สมช.ในรอบ 10 ปี จะเป็นจริงหรือไม่ รอดูกันอังคารที่ 8 ต.ค. ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี ชื่อไม่โดนสกัดปลายทางเสียก่อน
และสัปดาห์นี้เช่นกันก็จะได้ตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่เช่นกัน เพราะจะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จันทร์ที่ 7 ต.ค. เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ซึ่ง แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธาน ก.ตร.โดยตำแหน่งและจะต้องเป็นผู้เสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ต่อที่ประชุม ก.ตร. ได้นัดประชุม ก.ตร.ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ เพื่อเสนอรายชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งพอได้ตัว ผบ.ตร.แล้ว จากนั้นก็จะมีการตั้งในตำแหน่งลำดับถัดไปคือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ-ผู้บังคับกาทั่วประเทศ (รอง ผบ.ตร.-ผบก.)
เว้นแต่ว่ามีอะไรพลิกผัน จนทำให้การตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ สะดุด แต่จับกระแสได้ว่า ยังไม่มีกระแสข่าวว่าจะมีอะไรพลิกผัน 7 ต.ค.นี้น่าจะจบ ได้ชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ เพราะหากล่าช้าไปกว่านี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการบริหารงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะหากผู้นำหน่วยสีกากี เก้าอี้ ผบ.ตร. พิทักษ์ 1 ยังมีปัญหา ไม่ยอมตั้งกัน ฝ่ายการเมืองดึงเกม ก็อาจกระทบกันไปหมด แม้ต่อให้รักษาการ ผบ.ตร.ทำหน้าที่แทนได้ แต่ยังไงก็สู้ตั้ง ผบ.ตร.ตัวจริงมาทำงานเต็มตัวย่อมดีกว่าแน่ ซึ่งล่าสุดฝ่ายการเมืองในรัฐบาลอย่าง จิรายุ ห่วงทรัพย์ ว่าที่โฆษกรัฐบาล ก็ออกมายืนยันว่าจะมีการตั้งผบ.ตร.7 ต.ค.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ระเบียบวาระที่จะเข้าที่ประชุม ก.ตร. ประกอบด้วย วาระที่ 4 เรื่องที่เสนอเพื่อพิจารณา แบ่งเป็น เรื่องที่ 1 หารือแนวทางการดำเนินการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการดำรวจ เรื่องที่ 2 การขอขยายระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เรื่องที่ 3 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งเฉพาะทางเรื่องที่ 4 การพิจารณากำหนดตำแหน่งเฉพาะทางเรื่องที่ 5 การวินิจฉัยเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการตำราจ เรื่องที่ 6 การกำหนดเหตุพิเศษแห่งกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นพลตำรวจเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน และการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจขั้นประทวนหรือชั้นพลตำรวจเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
เรื่องที่ 7 ร่างกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ กรณีถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ กักยาม กักขัง หรือตัดเงินเดือน พ.ศ.…เรื่องที่ 8 การปรับปรุงกรอบอัตรากำลังของสถานีตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.น.) และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) เรื่องที่ 9 การดำเนินการตามคำวินิจฉัยคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม เป็นต้น
ซึ่งสื่อหลายแขนงรายงานว่า การประชุมครั้งนี้จะมีการเสนอชื่อแต่งตั้ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 เกษียณปี 2569 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3
สำหรับขั้นตอนการคัดเลือก ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยระหว่างที่พิจารณาวาระดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา จะต้องออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมจึงมีเพียง น.ส.แพทองธาร ในฐานะประธาน น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะ ก.ตร. โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ รองศาตราจารย์ประทิต สันติประภพ และศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ
เบื้องต้น พล.ต.อ.เอก อังสนานนนท์ กรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงการประชุม ก.ตร.นัดนี้ เพื่อเสนอชื่อตั้ง ผบ.ตร.ไว้ว่า
"มั่นใจว่านายกฯ คงจะเสนอคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด นายกฯ คงดำเนินการไปตามแนวทางนั้น เพราะหากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็อาจจะมีปัญหาข้อกฎหมาย ข้อขัดแย้ง กรณีร้องเรียนกล่าวหากันได้ต่อไป ก็อยากให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อกฎหมาย ก็อยากให้เป็นไปตามนั้น ผมก็มั่นใจว่านายกฯ จะดำเนินการตามกฎหมาย ก็หวังไว้อย่างนั้น" พล.ต.อ.เอกระบุ
ส่วน จิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกฯ และว่าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า
“ไม่ว่าท่านใดจะมาเป็น ผบ.ตร. เป้าหมายสำคัญตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาคือ การดูแลทุกข์สุข พิทักษ์สันติราษฎร์ให้กับพี่น้องประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดและลดอาชญากรรมทุกประเภทให้ได้”
รอติดตามกันดูว่า ผลประชุม ก.ตร.จะออกมาอย่างไร จันทร์ที่ 7 ต.ค.นี้ และเมื่อตั้ง ผบ.ตร.เสร็จสิ้นแล้ว การจัดทัพบิ๊กสีกากี โดยเฉพาะในระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก.ทั่วประเทศ จะออกมาอย่างไร เป็นเรื่องที่วงการสีกากีทั่วประเทศกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก


