เข้าวินผงาดบนเก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 15 แบบม้วนเดียวจบ สำหรับ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่จะได้เป็น ผบ.ตร.เต็มตัว หลังตั้งแต่ 1 ต.ค.เป็นต้นมา นั่งรักษาการ ผบ.ตร. มาได้หลายวัน แต่ต่อจากนี้จะได้นั่ง ผบ.ตร.เต็มตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
หลังได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม และเป็นผู้เสนอชื่อ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ต่อที่ประชุม ก.ตร. ซึ่งที่ประชุมโหวตเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ไม่มีใครคัดค้านหรืองดออกเสียงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เก้าอี้พิทักษ์ 1-ผบ.ตร. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองสูง เรียกว่า จะอยู่จนเกษียณหรืออยู่ไม่ถึงเกษียณ ต้องไปเกษียณที่อื่นเพราะถูกเด้งถูกย้าย หรือว่า ระหว่างเส้นทางการเป็น ผบ.ตร. อาจโดนเด้งไปอยู่ที่อื่นก่อนก็ได้ แล้วกลับมาเกษียณในตำแหน่ง อย่างที่มีให้เห็นกันมาแล้วเช่นกรณีของ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. ที่มีเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่หนึ่งปี หลังเข้าทำหน้าที่เมื่อ ต.ค.2566 แต่ก็เคยถูกนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ออกคำสั่ง เด้งจาก ผบ.ตร.มาเข้ากรุอยู่สำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ในช่วงมีปัญหาขัดแย้งการทำงาน กับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก เรื่องข้อกล่าวหาการรับผลประโยชน์เว็บพนันออนไลน์
แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายเศรษฐาเซ็นคำสั่งให้บิ๊กต่อได้กลับไปเกษียณที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมิถุนายน 2567 แต่ชีวิตบนเส้นทาง ผบ.ตร.ของบิ๊กต่อหลังจากนั้น ที่ถือว่ามีบาดแผลการเมืองแล้ว ก็เก็บตัวเงียบมาตลอดจนเกษียณไปเมื่อ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ไปแบบหลายคนแทบจดจำผลงานในการเป็น ผบ.ตร.หนึ่งปีของบิ๊กต่อไม่ได้เลยว่ามีอะไรเป็นผลงานบ้าง
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า เก้าอี้ ผบ.ตร. จะได้อยู่จนครบวาระหรือต้องกระเด็นออกจากรั้วปทุมวัน ก็อยู่ที่ฝ่ายการเมืองเป็นสำคัญ เป็นเก้าอี้ที่ถือว่ามีอาถรรพ์มาหลายยุคหลายสมัย
ด้วยเหตุนี้ แม้บิ๊กต่ายตามเส้นทาง ผบ.ตร. จะได้อยู่ในตำแหน่งสองปี เพราะเกษียณปี 2569 แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ ถึงต่อให้การเมืองไม่พลิกขั้ว เพื่อไทย-แพทองธาร ยังเป็นรัฐบาลต่อไปจนถึงปี 2570 แต่เก้าอี้ ผบ.ตร.ของบิ๊กต่ายก็ไม่ได้ชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าจะอยู่ครบวาระ?
สิ่งสำคัญบนเก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต่อจากนี้ก็คือ การต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการสร้างผลงานให้ประชาชนและแกนนำรัฐบาลเห็น โดยมีภารกิจสำคัญหลายเรื่องรอทดสอบฝีมืออยู่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่นายกฯ แพทองธาร ประกาศไว้แล้วหลายที่ว่าต้องการทำให้ลดน้อยลง นั่นก็คือ ปัญหายาเสพติด เรื่องนี้จึงเป็นงานสำคัญที่บิ๊กต่ายต้องทำให้ปัญหายาเสพติดต้องลดน้อยลง ตลอดจนการปราบปราม อาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นายกฯ ระบุไว้ตอนประชุม ก.ตร.ก่อนจะเริ่มการตั้ง ผบ.ตร.ว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน
“ให้ตำรวจทุกท่านช่วยกันสานต่อนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ที่ช่วงนี้ถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด หรือคอลเซ็นเตอร์ หลายๆ อย่างที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะตำรวจเองเป็นหน่วยงานที่สำคัญ”
นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐก็ยังต้องพยายามกอบกู้ การยอมรับ-ศรัทธาของประชาชน ต่อ วงการสีกากี ให้กลับคืนมาด้วย หลังหนึ่งปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์วงการตำรวจถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนักว่า หน่วยงานนี้ที่เป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม จะยังเป็นที่พึ่งหวังของสังคมได้หรือไม่ หลังเกิดกรณี
ศึกสองบิ๊กสีกากี สอง พล.ต.อ. รบกันพังไปข้าง
ระหว่าง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อดีต ผบ.ตร.กับ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เปิดศึกฟาดฟัดกันเอง จากปมเรื่อง ผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ ที่ลุกลามบานปลาย โยงไปถึงเครือข่ายวงการสีกากีในเครือข่าย-คนใกล้ชิด ของทั้งบิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก จนวงการสีกากีช่วงดังกล่าวติดลบอย่างมาก จนทำให้ภาพลักษณ์วงการตำรวจดำดิ่ง ทรุดลงอย่างหนัก แม้จะเป็นแค่เรื่องของตำรวจสองกลุ่ม แต่ทว่าตำรวจสองกลุ่มดังกล่าวเป็นถึงระดับ พล.ต.อ. ตำแหน่งใหญ่ ผบ.ตร.กับรอง ผบ.ตร. มันจึงส่งผลต่อภาพรวมของวงการตำรวจทั้งหมดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ก็มีพันธกิจในการต้องเข้าไปกอบกู้ศรัทธา ความเชื่อมั่น ของสังคมที่มีต่อวงการตำรวจให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ซึ่งในช่วงเวลาสองปีของการเป็น ผบ.ตร. ทำได้แน่นอน ถ้าเอาจริง
และเมื่อรั้วปทุมวันกำลังจะได้ ผบ.ตร.คนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีการ จัดทัพใหญ่สีกากี ในตำแหน่งต่างๆ ตามมา ตามระนาบ-สายการบังคับบัญชา ทุกระดับชั้น ทุกกองบัญชาการ ที่ก่อนหน้านี้นอกจากรอให้การแต่งตั้งโยกย้ายเริ่มทำได้ตั้งแต่ 2 ต.ค. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติและกฎ ก.ตร.แล้ว ก็ยังรอให้มีการตั้งหัว คือ ผบ.ตร.ให้เสร็จสิ้นก่อน
และเมื่อตอนนี้จะมี ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว ก็ทำให้การทำ โผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทั่วประเทศ ในทุกระดับ ก็จะเริ่มต้นหลังจากนี้ โดยเฉพาะการจัดทัพสีกากีในตำแหน่งหลักๆ ระดับนายพล คือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงผู้บังคับการตำรวจทั่วประเทศ (รองผบ.ตร.-ผบก.)
ซึ่งพบว่า 30 กันยายนที่ผ่านมา มีบิ๊กตำรวจระดับนายพลเกษียณทั้งสิ้น 76 ตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งหลักๆ ที่เกษียณไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร.แล้ว ก็มีเช่น พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท. สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (รอง จตช.), พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.), พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) เป็นต้น
จึงน่าสนใจว่า จันทร์ส่องหล้า-แกนนำรัฐบาลเพื่อไทย จะตั้งบิ๊กตำรวจคนไหนไปอยู่ในตำแหน่งหลักๆ ที่ว่างอยู่ เช่น ผบช.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด-ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 คุมพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล- ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 คุมพื้นที่ภาคอีสาน เป็นต้น รวมถึงจะมีการโยกย้ายสลับระหว่างผู้บัญชาการและผู้บังคับการในหน่วยงานสำคัญๆ กี่แห่ง แล้วใครบ้างจะโดนปรับเปลี่ยนโยกย้าย
แต่ที่หลายคนสนใจกันก็คือ เก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่เป็นตำแหน่งสำคัญของวงการตำรวจ และวงการการเมือง เพราะคุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งข่าวว่า ปีนี้ บิ๊กจ้าว-พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ที่จะเกษียณปีหน้า 2568 ถึงคิวต้องขึ้นไปเป็น ผช.ผบ.ตร. ตามหลักอาวุโสที่เป็นไฟต์บังคับ หลังก่อนหน้านี้บิ๊กจ้าววางแผนไปรอผงาดเป็นป.ป.ช.ที่ก็เกือบสำเร็จแล้ว ผ่านเข้าถึงรอบสุดท้าย แต่ไปถูก สว.ข้องใจเรื่องคุณสมบัติ-การเทียบตำแหน่ง เลยวืดโค้งสุดท้ายชื่อไม่ผ่าน
น่าติดตามมากว่า สุดท้าย จันทร์ส่องหล้า จะเอาใครมาเป็น ผบช.น.คนใหม่
เช่นเดียวกับอีกตำแหน่งสำคัญ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ที่ บิ๊กอิทธิ-พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ก็ต้องขยับขึ้นเป็น "ผู้ช่วย ผบ.ตร." ตามหลักอาวุโสเช่นกัน ทำให้ต้องตั้ง ผบช.สตม. ที่เป็นตำแหน่งผู้บัญชาการเกรดเอของวงการตำรวจ
โผสีกากี การจัดทัพในระดับผู้บัญชาการ-ผู้บังคับการ ในกองบัญชาการสำคัญๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ปีนี้จึงเข้มข้นแน่นอน และเชื่อว่าฝุ่นคงตลบในรั้วปทุมวันนับจากนี้เป็นต้นไป!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

