ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นชอบร่างแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 19 ธ.ค.67
โดยประกาศวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค.67 และกำหนดวันเลือกตั้ง เป็นวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68 นั้น จากรายงานพบว่า นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.65 ถึงวันที่ 29 ต.ค.67 มีนายก อบจ.พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระรวม 29 จังหวัด แบ่งเป็นการลาออกก่อนครบวาระ 27 จังหวัด และกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งให้เลือกตั้งใหม่ 2 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด
ในจำนวนทั้งหมดนี้มีการเลือกตั้งไปแล้ว 18 จังหวัด ซึ่ง กกต.ได้ประกาศรับรองผล 16 จังหวัด ยังไม่ประกาศรับรอง 2 จังหวัด ทำให้เหลืออีก 11 จังหวัด ที่ยังไม่เลือกตั้ง
ทำให้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวแย้งทันที ถึงการที่ กกต.ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนว่า ทำไมรอบนี้จึงตัดสินใจไม่กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ เช่น การเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการออกมาใช้สิทธิออกเสียง
การรีบออกมาท้วงติงเช่นนี้ อาจแสดงให้เห็นความกังวลของพรรคประชาชนหรือไม่ เพราะการที่ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิล่วงหน้าทั้งในและนอกเขตได้ มักจะเป็นหนึ่งในข้ออ้างของความพ่ายแพ้ที่ถูกหยิบมาใช้บ่อยๆ
ด้วยรู้ตัวดีว่า ฐานเสียงของพรรคส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้จากกระแสนิยมในโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่ได้อาศัยในพื้นที่ตามภูมิลำเนา
โจทย์ใหญ่ที่สุดของพรรค เป็นสิ่งสะท้อนอย่างดี จากผลการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก และนายก อบจ.ราชบุรี ที่ออกมา ว่ากลยุทธ์เดิมอาจใช้ไม่ได้แล้ว
แม้จะเกณฑ์ทุกไพร่พลที่มี ชูตัว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้นำออกหน้า พร้อมรายล้อมด้วยองครักษ์ แม่ทัพนายกอง ของอดีต สส.พรรคก้าวไกล และคนจากพรรคอนาคตใหม่ ที่สังกัดในคณะก้าวหน้าช่วยหาเสียงสักเท่าไร ก็ยังไม่สามารถคว้าชัยในสนามท้องถิ่นได้เลยสักจังหวัด
โดยพรรคประชาชนมักชี้เป้าไปที่มูลเหตุแห่งความพ่ายแพ้หนัก จากการรวมพลังของฝ่ายอนุรักษนิยม นำโดยพรรคเพื่อไทย ร่วมผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่น กวาดชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานที่มั่นและเครือข่ายบ้านใหญ่ไว้
และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ในสนามจังหวัดขอนแก่น กรณีนายวัฒนา ช่างเหลา สวมเสื้อพรรคเพื่อไทย โค่นนายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ อดีตแชมป์ 6 สมัย ไปได้ ซึ่งยังนับว่าเป็นชัยชนะของคู่ต่อสู้ทางการเมืองของพรรคประชาชนอยู่ดีนั่นเอง
แน่นอนว่า ผลลัพธ์ในทางไม่สู้ดีนักของสนามใหญ่ท้องถิ่น ส่งสัญญาณอันตรายจนนำมาสู่การผลักดัน ปรับยุทธศาสตร์พรรคครั้งใหม่ ชูแคมเปญ 'เท้ง ทั่ว ไทย' ที่ขายนักการเมืองรุ่นใหม่ รับไม้ต่อ อย่าง 'หัวหน้าเท้ง' หรือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ใช้เน้นหนักทำงานพื้นที่มากขึ้น ได้มีโอกาสเฉิดฉายตามรอยรุ่นพี่อย่าง นายธนาธร และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล
เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ จะมัวมาหวังจากคะแนนเสียงเดิมของพรรคไม่ได้ แต่ต้องขยายฐานความนิยมด้วย เพื่อให้ใกล้ชิดกับโหวตเตอร์อีกกลุ่มที่ไม่เคยเลือก ให้มาเลือก 3 ข้อ คือ
1.ทำหน้าที่ในพื้นที่ ทำอย่างไรรักษาเขตเดิม แล้วขยายเขตใหม่ได้ 2.การสื่อสาร ทุกครั้งมีความเห็นไปยังรัฐบาล พรรคต้องมีข้อเสนอที่ดีกว่า เพื่อจะได้สื่อสารโหวตเตอร์อีกกลุ่มว่า
"เราไม่ใช่ฝ่ายแค้น แต่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก และเพื่อพิสูจน์ว่าวันหนึ่งหากเราเป็นรัฐบาล เราพร้อมส่งมอบนโยบายอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้มากขึ้น"
และ 3.การรักษาจุดยืนทางการเมือง ตรงไปตรงมา เคยพูดอย่างไรก่อนหาเสียง หลังหาเสียงก็ทำแบบนั้น และรักษาอุดมการณ์แบบเดิม เพราะเมื่อใดที่เสียข้อนี้ไป ฐานโหวตเตอร์ที่เติบโตมากับเราก็สูญเสียไปด้วย
แคมเปญนี้เปิดตัวที่เขตบางแค กทม. เนื่องด้วยเคยเป็นพื้นที่ของนายณัฐพงษ์มาก่อน จากนั้นจะเริ่มต้นกลางเดือน พ.ย.นี้ ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก และตั้งเป้าว่าก่อนสิ้นปีจะไปให้ได้ทั้ง 20 จังหวัด ที่เป็นจังหวัดเป้าหมาย ซึ่งพรรคประชาชนส่งผู้สมัครลงนายก อบจ.
แน่นอนว่า ธงใหญ่ของพรรคประชาชน นั่นคือเก็บแต้มสนามท้องถิ่นเป็นฐาน และยังเป็นความท้าทายในการทำงานมวลชนในพื้นที่ รวมทั้งฐานเสียงหัวเมืองใหญ่ โดยการเลือกตั้ง 'นายก อบจ.อุดรธานี' ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยพรรคประชาชนส่ง นายคณิศร ขุริรัง ลงสมัคร ชนกับ นายศราวุธ เพชรพนมพร อดีต สส.อุดรธานี ของพรรคเพื่อไทย
งานนี้จึงเป็นอีกแมตช์วัดใจ รวมถึงบทพิสูจน์สำคัญว่าพรรคจะมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจากอานิสงส์การลงพื้นที่ของนายณัฐพงษ์ หลังประกาศยุทธศาสตร์ทัพรอบใหม่ โดยเฉพาะการทำศึกในพื้นที่เมืองหลวงคนเสื้อแดง จังหวัดไข่แดงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็คงไม่มีการอ่อนกำลังอย่างแน่นอน
แต่ยิ่งจะขนสรรพกำลังระดมลงไปในพื้นที่ ทั้งการเตรียมจัดปราศรัยใหญ่ วันที่ 14 พ.ย.นี้ ด้วยการขน สส.อดีตแกนนำคนเสื้อแดง นักกิจกรรมทางการเมืองเสื้อแดงทั้งในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง
พร้อมแง้มว่าจะมีเซอร์ไพรส์ ที่ยิ่งใหญ่กว่า 'นายกฯ อิ๊งค์' หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แน่นอนว่า ศึกใหญ่ครั้งนี้ถือเป็นเดิมพันของพรรคผู้นำรัฐบาล และหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ในพื้นที่สำคัญทางการเมือง และผลลัพธ์ของสนามนี้ หากพรรคประชาชน 'นับแต้มแรก' ให้มีกำลังใจ เดินหน้าชิงคะแนนตามพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะเชียงใหม่, ลำพูน, ตราด, ภูเก็ต ที่พรรคประชาชนเคยแบ่งเก้าอี้ สส.ไปได้ จนถึงวันนับสกอร์สุดท้ายที่ 1 ก.พ.68 และอาจเป็นบทพิสูจน์ ชุดความคิด อุดมการณ์ ของพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาชน ที่กางแผนสู้ในระยะยาวทางการเมือง ปักธงทางความคิดว่าจะไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหน?
หรือจะกลายเป็นภาพฉายซ้ำเดิม กับคณะก้าวหน้าที่เคยลงประลองใน 'สนามเลือกตั้งท้องถิ่น' กลายเป็นธงหักปักไม่ลง
และมากไปกว่านั้นคือ สัญญาณทางการเมือง ถึงชัยชนะ หรือพ่ายแพ้ ของ 2 พรรคใหญ่ในอนาคตในสนามเลือกตั้งระดับประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ความสามารถ-วุฒิภาวะ’ เสียงวิพากษ์ ‘อิ๊งค์’ เริ่มอื้ออึง
ดูเหมือน ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เริ่มจะเข้าใจมากขึ้นว่า การเป็น ‘ผู้นำประเทศ’ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และไม่สามารถถ่ายทอดทางดีเอ็นเอได้
แค่สีสัน! 'เท้ง’ เสียงแข็งไม่หวั่น ‘ทักษิณ’ ลงช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.อุบลฯ หาเสียง
หัวหน้าพรรคปชน.มองทักษิณ เป็นสีสัน เป็นสิ่งที่ดีที่มีคนลงมาช่วยหาเสียง ทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจในการเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น
ขู่เช็กบิลเซเลบ-หวานใจบิ๊กเนม เกมสางแค้น เอาคืน ยังไม่จบ!
หลังมีข่าวมาร่วมเดือนว่า สปก.-ตำรวจ รวมถึง ปปง.จะมีการดำเนินคดี เซเลบคนดัง-หวานใจบิ๊กการเมือง แต่ที่ผ่านมาก็เป็นแค่กระแสข่าวที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าออกมา จนถูกมองว่าเหมือนกับการออกข่าวเพื่อขู่ทางการเมืองว่าจะมีการ ทุบกล่องดวงใจ บิ๊กเนมการเมือง อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ส้มร่วงอีกสนาม! เลือกตั้ง นายกอบจ.กำแพงเพชร ‘แชมป์เก่า’ ทิ้งขาด เด็กพรรคปชน.
รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร วันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 08.00 น.
ม็อบการเมืองจุดติด-ไม่ติด อยู่ที่พฤติกรรม การกระทำ ผู้นำประเทศ-พรรคร่วมรัฐบาล
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อศุกร์ที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีการตั้ง คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา
เสื้อแดงตาสว่างหรือยัง 'ใบอนุญาต' ประจานทักษิณ-เพื่อไทย!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เรื่องใบอนุญาต2ใบในการจัดตั้งรัฐบาล โดยตั้งคำถามว่า ทำไมพรรคการเมืองกลับเลือกใช้วิธี “หมอบ สยบยอม เอาใจ” ผู้ออกใบอนุญาตที่ 2