เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับคณะ กมธ.ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว
สาระสำคัญ คือ กำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องทำประชามติก่อน โดยใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นเป็นเกณฑ์ตัดสิน กล่าวคือ 1.จะต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.จะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์
แต่สุดท้าย สาระสำคัญดังกล่าวต้องตกไป เพราะได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาฯ เพียง 61 เสียงเท่านั้น โดยเสียงส่วนใหญ่ลงมติไม่เห็นชอบ ถึง 327 เสียง เพราะเห็นว่าเกณฑ์เสียงข้างมากปกติมีความชอบธรรมมากกว่า อีกทั้งหวั่นเกรงว่าหากปล่อยให้ใช้แบบ “สองชั้น” จะมีมือมืดรณรงค์ไม่ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์
โดยในความเป็นจริงก็อาจเกิดขึ้นได้ เหมือนสมัยเลือกตั้งต่างๆ ที่มีการเก็บบัตรประชาชนเพื่อบล็อกโหวต นอกจากเอาบัตรประชาชนไปแลกกับเงินไม่กี่ร้อยบาทแล้ว ยังไม่ต้องออกไปทนร้อนเพื่อรอเข้าคูหาด้วย
ด้วยเหตุนี้ สส.จึงกังวลว่าจะมีการหยิบโมเดลลักษณะนี้ใช้ในการทำประชามติรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เสียงข้างมากของสภาฯ จึงลงมติยืนยันในหลักการเดิมของตัวเอง ให้ใช้เสียงข้างมากปกติ เหมือนที่ทั่วไปใช้กัน
เมื่อมติสภาฯ ยับยั้งไว้เช่นนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 137 และมาตรา 138 กำหนดว่าต้องเว้นไว้ 180 วัน แล้วจึงหยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
จากกรณีที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้ “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ยิ่งไกลความจริงออกไปอีก เพราะตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 จะต้องทำประชามติเสียก่อน
ในมุมมองของ “นิกร จำนง” ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ อดีต สส.พรรคชาติไทยพัฒนา และกูรูด้านการแก้ไขกฎหมาย ระบุว่า อย่างน้อยๆ ตลอดปี 68 จะว่างเว้นไปทั้งปี
“นิกร” เปิดเผยไทม์ไลน์กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งว่า “...เมื่อครบ 180 วัน ก็จะมีการนำเสนอเพื่อให้สภาฯ ยืนยัน จากนั้นให้สภาฯ รอไว้ 3 วัน แล้วจึงส่งต่อให้ ครม.รออีก 5 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในส่วนของการออกกฎหมายลูก เข้าใจว่า กกต.น่าจะใช้เวลา 1 เดือน พอกฎหมายประกาศใช้ก็เชิญสำนักงบมาพูดคุยว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ เคาะเป็นมติ ครม. กระบวนการทั้งหมดประมาณ 10 เดือนครึ่ง ผมคิดว่าเราจะได้ทำประชามติครั้งแรกในเดือน ม.ค.69 จากนั้นเดือน ก.พ.จึงจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256...”
ทว่า มหากาพย์แก้รัฐธรรมนูญยังไม่จบเท่านี้ เพราะยังมีอุปสรรคขวากหนามอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ หนึ่ง การตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถึงจำนวนครั้งในการทำประชามติ ว่าจะเป็น 2 หรือ 3 ครั้ง ซึ่งฝ่ายรัฐบาลมองว่าจะต้อง 3 ครั้ง ส่วน “พรรคประชาชน” เห็นว่า 2 ครั้ง และถ้ากล่อม สส.ฝ่ายรัฐบาลได้ทั้งหมด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันใช้ในการเลือกตั้งใหญ่ปี 70
ในทางกลับกัน หากมี สส.พรรคใดพรรคหนึ่งเห็นต่างขึ้นมา ก็จะกลายเป็นเหตุให้ต้องร้องศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่าไทม์ไลน์รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทอดยาวออกไปอีกไม่รู้จบ
อุปสรรคขยักที่สอง คือ ในทางการเมืองมีการอ่านเกมว่าจะมีพรรคการเมืองหนึ่งเล่นเกมต่อรอง ยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแลกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่พรรคนั้นต้องการ
มีความเป็นไปได้ทั้งพรรคการเมืองเปิดฉากร้องศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง หรือจะส่งนอมินีทนายรับจ้างร้องต่อศาล อีกทั้งอาจกดปุ่มส่งสัญญาณไปยังสภาสูง เหมือนสั่งให้พลิกเกณฑ์ประชามติชั้นเดียว เป็นแบบสองชั้น ก็เป็นได้
โดย “นิกร” ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไว้ด้วยว่า “คาดว่าในเดือน เม.ย.69 มาตรา 256 จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา หาก สว.ไม่ให้ผ่าน ซึ่งช่วงนั้นตรงกับสภาปิดสมัยประชุมพอดี ส่งผลให้ต้องรออีกครั้งในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งเปิดสมัยประชุมสุดท้าย หากทุกอย่างเดินตามที่ว่ามา ผมคิดว่าไม่ว่าไม่ทัน เท่ากับ ส.ส.ร.ก็ไม่ได้”
เป็นอันว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีอีกกี่คน เรื่องรัฐธรรมนูญจะถูกล็อกไว้เช่นนี้ หากเพื่อไทยแก้เกมไม่ได้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดด่างพร้อยที่คู่แข่งทางการเมืองจะสามารถหยิบมาโจมตี ว่าหาเสียงไว้แต่ทำไม่ได้ เหมือนดิจิทัลวอลเล็ตที่พูดไว้สวยหรู แต่ถึงเวลาลงมือทำจริงกลับแบ่งให้แบบกะปริบกะปรอย
ฉะนั้น เพื่อไทยอาจต้องสวมบทโหด เพื่อต่อรองทางการเมืองกลับ ไม่เช่นนั้นก็จะโดนเพื่อนหักเหลี่ยม เตะตัดขา ทำให้ไม่มีผลงานไปโวกับชาวบ้านในการหาเสียงเลือกตั้งคราวหน้า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เปิดไทม์ไลน์ ‘จาตุรนต์’ ไร้วี่แววเพื่อไทยเปิดซักฟอกรัฐบาล หวั่นชำเรารธน.ล่ม ปล่อยยุบสภา 31 ม.ค.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่าที่กกต.ออกมาระบุว่า หากคณะรัฐมนตรีและ/หรือรัฐสภาส่
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก


