ต้องฝ่าฟันมรสุมกันระลอกใหญ่ส่งท้ายปี 2567 สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากพรรคน้องใหม่จนถึงปัจจุบันสู่ปีที่ 3 แล้ว ภายใต้การนำของ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งพรรคได้โควตาร่วมทัพรัฐบาลเพื่อไทย และได้กระทรวงที่หมายปองมาครอบครองสมใจ
แต่ทว่าหลังร่วมทัพกับรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ไม่นาน เก้าอี้เจ้ากระทรวงพลังงานต้องสั่นสะเทือน เมื่อ "นายใหญ่ตัวจริง" ของ "รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง" อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี พ่อนายกฯ อิ๊งค์ ออกมาส่งสัญญาณถึงอีแอบ ที่หายไปในวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี พ.ร.ก.สำคัญเกี่ยวกับภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุม
โดยระบุว่า “สองวันก่อนมี พ.ร.ก.เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุม ครม. ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรค หลบ ป่วย อย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าหนี ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ตนเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมา ง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา”
จากคำพูดดังกล่าวทำให้หลายคนพุ่งเป้าไปที่ “ตุ๋ย-พีระพันธุ์” ทั้งนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวนายใหญ่ของรัฐบาลจะยึดคืนเก้าอี้กระทรวงพลังงานอีกด้วย
ขณะเดียวกันพรรคยังระส่ำเมื่อมีการปล่อยข่าว 25 สส.จ่อย้ายไปซบพรรคโอกาสใหม่ ก่อนที่เลขาธิการพรรค และบรรดา สส.จะออกมาแก้ข่าว ยืนยันสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างคนในพรรคยังรักและสามัคคีกันดี ยังไม่มีใครคิดย้ายพรรคแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจแค่เป็นการเขย่าชิมลาง ที่ในอนาคตอาจมีบางคนเตรียมย้ายค่ายก็เป็นได้
ทั้งนี้ หลังเจอมรสุมหลายด้าน แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” ภายใต้การนำของ พีระพันธุ์ ยังเดินหน้าลุยต่อ ผลักดันการทำงานของพรรคก้าวสู่ปี 2568 โดยเจ้าตัวยังยึดคำเดิม ให้ลูกพรรคทำงานยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมสั่ง สส.ต้องลงพื้นที่รับฟังปัญหาและช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง ไม่ทิ้งประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา ที่ สส.พรรค ต้องกระจายกันลงพื้นที่ช่วยประชาชน ขณะที่นายพีระพันธุ์เองก็ลงพื้นที่ด้วยตนเองเช่นกัน
ขณะที่ในหมวกของเจ้ากระทรวงพลังงาน ปีที่ผ่านมาได้เร่งติดสปีดผลงานของกระทรวงต่อเนื่อง เพื่อสร้างชื่อให้รวมไทยสร้างชาติได้เป็นที่จดจำ ซึ่งใกล้สำเร็จแล้วในการเดินหน้าเสนอร่างกฎหมายสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เรียกว่าระบบโซลาร์รูฟท็อป เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อช่วยปลดล็อกความสะดวกสบายและการเข้าถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของประชาชนและผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงการใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องร่างกฎหมายต่างๆ ที่รวมไทยสร้างชาติเร่งผลักดันเข้าสภาต่อเนื่องในปีหน้า เช่น ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสันติสุข พ.ศ…ที่ สส.รวมไทยสร้างชาติร่วมกันเสนอไว้ ซึ่งร่างดังกล่าวเป็นนโยบายของพรรคที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า สร้างความปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมายาวนาน
ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พีระพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงหลังมีกระแสข่าวหนาหูว่าจะมีการปรับพรรค รทสช.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมโชว์ผลงานปี 2567 ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 พร้อมกางแผนงาน ปี 2568 ในการลดราคาพลังงาน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชน และบอกทำงานสายตัวแทบขาด แต่ถูกกลุ่มเสียประโยชน์ปั้นข่าวใส่ร้าย โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มตนเองแบบไม่ยั้งมือ แต่ไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพี คงจะสบายใจขึ้น เมื่อ นายทักษิณ-พ่อนายกฯ อิ๊งค์ ให้สัมภาษณ์ที่ จ.เชียงราย ถึงกระแสข่าวที่นายพีระพันธุ์อาจถูกปรับออกจาก ครม.รอบนี้ ว่า “อ๋อ ไม่มี คุยกันรู้เรื่อง ไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง”
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ แพทองธารยังมีการเปรยเรื่องของการปรับ ครม.ในช่วงนี้หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่มีเลย วันนั้นคุยกัน เขาบอกว่าพ่อ อิ๊งค์ยังสบายๆ ถ้าทำงานกับ ครม.ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี” ส่วนยังอยู่ยาวได้ใช่หรือไม่ นายทักษิณระบุว่า "ยังไม่มีเหตุปัจจัย"
สำหรับก้าวต่อไปของ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในปี 2568 ซึ่ง “หัวหน้าพี” การันตีว่าคะแนนนิยมของพรรคและกระแสตอบรับจากประชาชนดีขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากมียอดเงินบริจาคที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงคะแนนนิยมของพรรคที่ดีตามลำดับ พร้อมขอให้ สส.พรรคทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนประชาชน
และขอให้ทุกคนเดินเคียงข้างไปพร้อมๆ กันกับตนเองและเลขาธิการพรรค เพื่อพัฒนาพรรคให้เติบโต แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป ให้เหมาะสมกับคำขวัญของพรรคที่ว่า “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง”
ขณะเดียวกันในปีใหม่นี้ รวมไทยสร้างชาติ ยังให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของพรรค ในการมีบทบาทที่โดดเด่นในเวทีการเมืองและเป็นพรรคที่ตอบโจทย์ของประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะมีการพัฒนาแบรนด์ของตัวผู้สมัคร ที่รวมไทยสร้างชาติจะจัดผู้สมัครที่มีจุดยืน สร้างคาแร็กเตอร์ และต้องมีนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปอีกด้วย
ส่วนในปี 68 นี้ นอกจากการสร้างผลงานเพื่อโกยคะแนนให้รวมไทยสร้างชาติให้ได้มากที่สุดแล้ว จะมีการปรับทัพขยับกันภายในพรรค หรือจะมีใครทิ้ง “หัวหน้าพี” ไปซบค่ายอื่นหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

