ลุยเปิดกาสิโนส่อสะดุด กฤษฎีกาโดดขวางเต็มสูบ

แนวคิดการทำให้ พนันออนไลน์ ขึ้นมาอยู่บนดิน ตามที่ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำรัฐบาลเพื่อไทยตัวจริงส่งสัญญาณมา หลายคนยังมองโมเดลนี้ไม่ออกว่าจะทำได้อย่างไร เพราะน่าจะติดล็อกข้อกฎหมายหลายอย่าง รวมถึงต้องเจอแรงต้านในส่วนของภาคประชาสังคม

แต่เรื่องการ เปิดกาสิโน โดยให้อยู่ในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พบว่า ตอนนี้ ชัดเจนมากขึ้น รัฐบาล-เพื่อไทยเอาแน่ ไม่ได้มาเล่นๆ

เพราะเรื่องนี้ตั้งลำกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่หนุนเต็มที่ โดยอดีตนายกฯ เศรษฐาบอกสมัยเป็นผู้นำประเทศว่า หากเปิดในประเทศไทย จะสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล ยิ่งเมื่อสภาฯ ชุดปัจจุบันมีมติท่วมท้นเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ผ่านรายงานผลการศึกษาเรื่องการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ศึกษาโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ โดย สส.ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้านร่วมวงหนุนเต็มสูบ จึงยิ่งเป็นการประทับตราความชอบธรรมให้รัฐบาลในการเดินหน้าเปิดกาสิโน

ผนวกกับนโยบายรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่แถลงต่อรัฐสภา เขียนไว้ชัดเจนในนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ที่ระบุไว้ในนโยบายที่ 7 รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่รวมถึงสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)

จากนั้นการเดินหน้าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ เช่น หลัง ครม.รับทราบรายงานศึกษาเรื่อง เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของสภาฯ ก็ส่งเรื่องต่อให้กระทรวงการคลังไปยกร่างกฎหมายเพื่อรองรับทันที จนเมื่อยกร่างเสร็จก็นำไปเปิดรับฟังความคิดเห็นตามกระบวนการเสนอกฎหมาย

และล่าสุดมีรายงานว่า หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจนได้จังหวะที่เหมาะสม ก.การคลังได้เสนอเรื่องดังกล่าวส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการพิจารณาของที่ประชุม ครม.เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยมีกระแสข่าวว่า ก.การคลังกำลังดูกันอยู่ว่าจะนำเข้าที่ประชุม ครม.วันจันทร์ที่ 13 ม.ค.ได้หรือไม่ หรือจะขยับออกไปหากเห็นว่ายังไม่ตกผลึก 

สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว ก.การคลังให้เหตุผลการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไว้หลายจุด แต่ในส่วนของ กาสิโน มีการระบุว่า การนำธุรกิจกาสิโนและการพนันผิดกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบ จะทำให้มีการจัดเก็บรายได้และภาษี, ดึงเม็ดเงินนอกระบบของการพนันผิดกฎหมายจากคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเล่นการพนันให้มาใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น

พร้อมกับอ้างตัวเลขว่า จะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 9,000-15,300 ตำแหน่ง, สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 118,877-475,510 ล้านบาทต่อปี และรัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม การดันให้มีการเปิดกาสิโนของรัฐบาลเพื่อไทยอาจเริ่มเจอตอ หลังบางหน่วยงานทำความเห็นในเชิง คัดค้าน-ขวาง การออกกฎหมายเปิดช่องให้มีกาสิโน

อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เป็นหน่วยงานที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล ตั้งข้อสังเกต 6 ข้อ ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วย

 1.นโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภานั้น นโยบายเร่งด่วนที่ 7 ระบุว่า รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ทางกฤษฎีกาฯ เห็นว่า หากนโยบายดังกล่าวมุ่งหมายที่จะพัฒนาพื้นที่เป้าหมายให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลัก ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกับ Integrated Resort District ของประเทศญี่ปุ่น หรือรีสอร์ตขนาดใหญ่บางแห่งในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน Sunway Resort ในมาเลเซีย Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม ศูนย์การค้า ศูนย์การแสดงเพื่อความบันเทิง ศูนย์ประชุม โดยสถานบันเทิงครบวงจรเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นดังกล่าวเท่านั้น และอาจมีสถานที่ใดที่จัดให้มีการเล่นกาสิโนด้วยก็ได้

“สำนักงานจึงเห็นว่าการที่ร่างกฎหมายดังกล่าวมุ่งหมายเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ยังไม่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล”

2.หากร่างกฎหมายดังกล่าวมุ่งหมายที่จะจำกัดเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจร ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าสถานบันเทิงครบวงจรคือสิ่งใด เป็นโรงแรม เป็นสถานบริการ เป็นร้านอาหาร ฯลฯ เพราะแต่ละกิจกรรมดังกล่าวมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายในเรื่องนี้อีก เพราะจะเป็นความซ้ำซ้อน

3.รายงานผลศึกษาเปิดสถานบันเทิงของสภาฯ มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย แต่สถานบันเทิงครบวงจรในความเข้าใจของประชาชน หมายถึงสถานที่ที่ให้บริการกิจกรรมด้านความบันเทิงหรือสันทนาการอย่างหลากหลาย มิใช่สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เล่นการพนัน และสถานบันเทิงนั้นก็มีกฎหมายว่าด้วยสถานบริการควบคุมอยู่แล้ว ปัญหาการลักลอบเล่นพนันในสถานที่ดังกล่าวจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมายของผู้บังคับใช้กฎหมายนั้น

“กรณีจึงไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายที่เสนอ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับผลการศึกษาดังกล่าว จะแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้อย่างไร”

4.หากรัฐบาลประสงค์จะแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมายหรือมีนโยบายที่จะจัดให้มีการเล่นการพนันที่ชอบด้วยกฎหมายในสถานบริการหรือสถานที่อื่นใด ก็สามารถที่จะดำเนินการได้ตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน หรือแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพนันที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2478 เพื่อให้ทันกับกาลสมัย ซึ่งจะแก้ไขปัญหานี้ให้ตรงจุดมากกว่าไปควบคุม การอนุญาตให้จัดตั้ง และการบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจร

5.โดยที่ยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายนี้มุ่งหมายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงให้ความเห็นข้างต้นตามหลักวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย และมีข้อเสนอแนะว่าหากจะเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นร่างกฎหมายที่ทำขึ้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการจะผลักดันนโยบายแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลัก หรือจะเป็นไปตามข้อเสนอแนะของสภาฯ ที่มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย เพราะมีความแตกต่างกันมากในการออกแบบกลไกตามกฎหมายและโครงสร้าง และสมควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย และปรับปรุงร่างให้ตรงตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา

6.ปัจจุบันมีการวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายนี้ในวงกว้างอย่างสับสนว่าจะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด จึงสมควรที่จะสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนเสียก่อนที่จะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี

น่าติดตามยิ่ง หลังที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาลอย่าง "กฤษฎีกา" ขวาง-เตือนไว้แบบนี้ ต้องรอวัดใจ ก.การคลังและรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปหรือกลับไปเริ่มตั้งลำใหม่ ที่หากหันหัวเรือกลับ ก็ทำให้ล่าช้าไปหลายเดือน

สิ่งที่เห็นชัด เมื่อกฤษฎีกาขวางลำเต็มสูบ ย่อมทำให้ พรรคร่วมรัฐบาล บางพรรคที่ไม่เอาด้วยกับการเปิดกาสิโน นำมาอ้างต่อเพื่อไทยได้ว่า “ช้าๆ ปลอดภัยกว่า หากเร่งไป จะสะดุดขาตัวเอง”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’

นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ

โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!

หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน

ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม

เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ

เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’

พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง