บทบาท‘แม้ว’ด้อยค่า‘อิ๊งค์’ ‘สายล่อฟ้า’เรียกแขกรัฐบาล

อย่าลืมสิ่งที่รัฐบาลทำหลายเรื่องล่อแหลม สุ่มเสี่ยง หากทบกันไปเรื่อยๆ สถานการณ์อาจไม่นิ่งเหมือนวันนี้

อะไรที่เคยด่ารัฐบาลชุดที่แล้ว วันนี้ย้อนศรเข้าตัวหมด โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังคุกคามปอดและลมหายใจคนกรุง 

โดนกันทั้งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะพ่อเมือง ทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ

แนวทางการแก้ไขปัญหาแทบไม่มีอะไรแปลกใหม่จากรัฐบาลชุดก่อน รัฐบาลและกรุงเทพมหานครโดนด่ากันขรมเมืองหลวงหนาพอๆ กับฝุ่น

ไม่เพียงแต่ถูกตำหนิเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น ตัว น.ส.แพทองธาร นายกฯ ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องภาวะความเป็นผู้นำ ออกแอ็กชันช้า ทั้งที่ PM 2.5 ช่วงสัปดาห์นี้หนักหน่วง หนาเตอะ

กว่าจะสั่งการข้ามแดนจากดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ จมูกและปอดคนกรุงโดนฝุ่น PM 2.5 คุกคาม เจอสภาวะโรคทางเดินหายใจเล่นงานจนงอม

อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่สามารถคาดการณ์ได้ ฤดูนี้ PM 2.5 สาหัสสากรรจ์ แต่แทนที่จะมีมาตรการรองรับ ผ่อนหนักเป็นเบา สุดท้ายเหมือนมาแก้เอาหน้างาน 

สรุปภารกิจและงานที่ดาวอส ที่ไปเร่ขายต่างชาติมาลงทุน โดนฝุ่น PM 2.5 กลบหมด 

ขณะที่สถานการณ์การเมือง หลายเรื่องเริ่มจะทยอยร้อน โดยมีฉนวนนำความร้อนชั้นดีอย่างพ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำประเทศ เป็นตัวจุด

ทุกความเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรกับผู้นำประเทศตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือท่าที มีผลในทางการเมืองทั้งหมด

โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฯลฯ ทุกวันนี้เอาไมค์ไปจ่อปากพ่อนายกฯ ยังได้คำตอบมากกว่านายกฯ ตามกฎหมายเสียอีก

ที่สำคัญ "ทักษิณ" พูดอะไร คณะรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร เด้งรับลูกทุกเรื่อง อยู่ที่ว่ารัฐมนตรีคนไหนรับผิดชอบในส่วนงานนั้น

ตั้งแต่ "ทักษิณ" พูดมา ไม่ว่าจะเวทีหาเสียงหรือปาฐกถา กลายเป็นว่าเหล่าเสนาบดีต้องออกมาเออออห่อหมก ไม่อย่างนั้นตกขบวน

ทุกวันนี้คำพูด "ทักษิณ" เหมือน คำบัญชา ที่คณะรัฐมนตรีต้องรับไปปฏิบัติตาม

ทุกเรื่องในรัฐบาล ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ "ทักษิณ" รับจบ จนบางครั้งเหมือนแอ่นอกมารับกระสุนแทนลูกสาว หรือหันเหจุดสนใจ ลดเป้าโจมตีตัวผู้นำตามรัฐธรรมนูญ

แม้บางฝ่ายอาจจะมองว่าเป็นยุทธศาสตร์เบี่ยงเบนความสนใจ แต่อีกนัยหนึ่ง เหมือนดาบสองคม เพราะยิ่ง "ทักษิณ" พูดมากเท่าไหร่ มีอิทธิพลทางการเมืองมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับการด้อยค่านายกฯ ตามกฎหมายอย่าง "แพทองธาร"

ยิ่ง "ทักษิณ" แอ็กชันออกนอกหน้านอกตาเท่าไหร่ ยิ่งบดบังความสามารถของ "แพทองธาร" มากเท่านั้น เหมือนกับนิทาน "พ่อแม่รังแกฉัน"

อีกทั้งยังจะทำให้ลูกสาวกลายเป็น "ตัวตลก" ในสายตาประชาชน จนดูเหมือนคนทำอะไรไม่เป็น ต้องให้พ่อบอก พ่อสอนทุกเรื่อง ราวกับเป็น "นายกฯ ฝึกงาน"

"แพทองธาร" จะไม่มีจุดขายอะไรในการเลือกตั้ง สส.เที่ยวหน้า เพราะคนไม่เห็น เห็นแต่ "ทักษิณ"

ขณะเดียวกัน "ทักษิณ" ที่ใครต่อใครมองว่าจะมาเป็นตัวปลุกชีพคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยให้กลับมาร้อนแรงเหมือนวันวาน วันนี้ออกไปในแนวตรงกันข้าม ดูเป็น "สายล่อฟ้า" มากกว่า

ปฏิกิริยาแซะ จิก กัด เหน็บแนม ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการให้สัมภาษณ์ หรือปราศรัยบนเวทีหาเสียงนายก อบจ. มีแต่สร้างศัตรูเพิ่มมากกว่าให้คนรักเพิ่ม

การใช้ถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย ดูถูกเหยียดหยันพวกเคลื่อนไหวตรงข้ามรัฐบาล ประหนึ่งท้าทาย ไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มมวลชนให้อีกฝั่ง

เห็นได้ชัดในการเคลื่อนไหวของนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. และอดีตแกนนำพันธมิตรฯ แกนนำเสื้อแดง แกนนำ กปปส. ที่ไหลมารวมกัน วันนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะมี "ทักษิณ" เป็นตัวเรียกแขก

"ทักษิณ" อาจจะย่ามใจ เพราะเป็นคนหน้าเดิม ซ้ำยังขาดท่อน้ำเลี้ยง ยากจุดติด แต่อย่าลืมหลายๆ ม็อบในอดีตมีจุดเริ่มต้นจากขนาดย่อมๆ ก่อนทั้งนั้น

แค่วันนี้ เงื่อนไข และ สถานการณ์ มันยังไม่สุกงอม

อย่าลืมสิ่งที่รัฐบาลทำหลายเรื่องล่อแหลม สุ่มเสี่ยง หากทบกันไปเรื่อยๆ สถานการณ์อาจไม่นิ่งเหมือนวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่นอกจากมิติสังคมแล้ว ยังมีเรื่องผลประโยชน์ที่จะไปเข้ากระเป๋าคนบางกลุ่มอีก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆ ที่คนยังคัดค้าน

หรือเรื่องคดีที่ดินอัลไพน์ที่ "ทักษิณ" ไปท้าทาย บอกให้เพิกถอนเลย เพราะคาราคาซังมานาน ตัวเองในฐานะผู้เสียหายจะได้รับเงินเยียวยา ที่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

เพราะการเยียวยาทำได้เฉพาะกรณีได้มาโดยสุจริต แต่ที่ดินอัลไพน์มันผิดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก เป็นนิติกรรมอำพรางเพื่อผลประโยชน์ เหมือนกับที่นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ให้ข้อสังเกตเอาไว้ว่า เป็นเรื่องที่นายกฯ จะต้องพิจารณาให้รอบคอบระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะหากเป็นเรื่องที่ประชาชนผู้เสียหายที่เป็นผู้ซื้อโดยสุจริต ต้องเป็นผู้ฟ้องไล่เบี้ยจากผู้ขายที่ดินเดิมหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ห้ามสิทธิที่จะฟ้องร้องกรมที่ดินที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย ซึ่งหน่วยงานรัฐคือกรมที่ดิน จะต้องให้อัยการสู้คดีอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ว่ากระบวนการซื้อขายที่ดินนั้นไม่สุจริต เจ้าหน้าที่รัฐทำตามกฎหมาย และหากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จ่ายเงินเยียวยา ก็จะเป็นความรับผิดเฉพาะส่วน และจะไม่ใช่ราคา 7,700 ล้านบาทที่คิดเอาเอง

“ที่ผ่านมาศาลจะพิพากษาให้ชดใช้ราคาที่ซื้อขายขณะนั้นพร้อมดอกเบี้ยเท่านั้น หลักสำคัญต้องพิจารณาว่าการซื้อขายนั้นสุจริตและสำคัญผิดหรือไม่ นายกฯ ต้องระมัดระวังในเรื่องอาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือฝ่าฝืนผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และประมวลจริยธรรมนักการเมือง ด้วยเหตุที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ แม้จะมีการจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นให้กับครอบครัวหลังเป็นนายกฯ แล้วก็ตาม”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นอีกว่า หากมีการของบเพื่อนำไปใช้เยียวยา "แพทองธาร" ในฐานะนายกฯ จะกล้าเซ็นหรือไม่ เพราะผู้เสียหายที่จะได้รับคือคุณพ่อตัวเอง

ฉะนั้น เรื่องนี้ที่ใครมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบทางการเมืองอะไร จึงไม่จริงทั้งหมด

ไม่เว้นแม้แต่ประเด็นการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หรือที่เรียกกันว่าป่วยทิพย์ วันนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งตราบใดที่ยังไม่เสร็จ อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากวันหนึ่งโมเมนตัมทางการเมืองเปลี่ยน

ถ้าวันหนึ่งสังคมมองว่า "ทักษิณ" กำลังสร้างปัญหา หรือทำให้คนกลับมาแตกแยกอีกครั้ง หลักประกันความปลอดภัยที่เคยมีก็อาจจะไม่มีได้เช่นกัน

และคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและมากที่สุดก็คือ "แพทองธาร" ลูกสาว ที่อยู่ในกลไกตรวจสอบ และต้องเป็นผู้ถือธงนำในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคเพื่อไทย. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลยื้อตัดไฟกัมพูชา อ้างเตรียมการไว้หมดแล้ว อึ้ง! ขอบคุณ 'หม่องชิตตู'

'ภูมิธรรม' ยังไม่ใช้ยาแรงตัดไฟกัมพูชา หลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์จ่อย้ายฐานจากเมียนมา ยันเตรียมรับมือแล้ว ขอบคุณ 'หม่องชิตตู' หลังประกาศร่วมมือไทย ขอว่าตามกระบวนการ

รัฐบาลเปิดช่องทางพิเศษ ปิดความลับผู้แจ้งจับครูละเมิดทางเพศในสถานศึกษา

รัฐบาลเปิดช่องทางพิเศษปกปิดความลับให้ผู้แจ้งปลอดภัย แจ้งจับหากพบครู-บุคลากรทางการศึกษาล่วงละเมิดทางเพศ ลงโทษวินัยขั้นร้ายแรงถึงที่สุด

‘สุชาติ’นั่ง‘ประธานป.ป.ช.’สมบูรณ์ ทำ‘บิ๊กโจ๊ก’แตะเบรก ตั้งหลักใหม่?

ถือเป็นคลิปสะเทือนแวดวงการเมือง องค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรม หลังมีการเผยแพร่คลิปการนั่งสนทนากันระหว่าง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และบุคคลอื่นๆ ที่กล้องไม่สามารถจับได้