คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ไล่บี้ภาครัฐให้ “ตัดกระแสไฟฟ้า” และ “สัญญาณอินเทอร์เน็ต” เพื่อซับสวิตช์ ปิดเมืองสแกมเมอร์ ฐานที่มั่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน “ชเวโก๊กโก่ และเคเคพาร์ค” อ.เมียวดี ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับคนไทยและคนจีนอย่างมหาศาล
รังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ.ชุดดังกล่าว เปิดข้อมูลบริษัท SMTY โดยพันตรีติ่งวิน แกนนำของกองกำลัง BGF หรือ KNA ซึ่งกองกำลังดังกล่าวมีพันโทหม่อง ชิตตู่ เป็นแกนนำคนสำคัญซึ่งดูแลเมืองเมียวดี รวมถึงการเปิดชื่อนอมินีสาวไทยทำสัญญากับฝั่งท่าขี้เหล็ก อาจเกี่ยวพันกับแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติ
กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ เห็นว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สามารถตัดกระแสไฟฟ้าได้ทันที พร้อมหยิบยกมติ ครม.ยุค “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ ให้หน่วยงานดำเนินการได้
“มติ ครม.เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2567 เรื่อง การแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ตั้งบริเวณชายแดน ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค) เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสาร ดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด”
รังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่โยนกันไปกันมา ตัดไฟฟ้าไม่ได้สักที เพราะไปเจอตอนายตำรวจใหญ่ยศพลตรี ที่เรียกกันว่า รอง “ต.” ที่มีสายสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองตัวพ่ออย่างแนบแน่น
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งโต๊ะส่งคำถามไปที่หน่วยงานความมั่นคงว่า การงดจ่ายไฟฟ้าหรือบอกเลิกสัญญามี 2 กรณี คู่สัญญาดำเนินการผิดสัญญา เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าตามกำหนด หรือไม่วางหลักประกันสัญญา กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
“การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำเป็นต้องมีหนังสือเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนการดำเนินการบังคับใช้ข้อสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกันกับการเริ่มทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หากเป็นเรื่องนโยบาย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี”
“กฟภ.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศของคู่สัญญาได้ จึงต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจประสานงานในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และแจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อดำเนินการต่อไป” ผู้บริหาร กฟภ. ระบุ
ตามมาด้วย การเปิดหนังสือที่ส่งถึง ผบ.กองกำลังชายแดน, ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ, อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ, เลขาธิการ ป.ป.ส., เลขาธิการ ปปง., อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า จะให้ กฟภ.ตัดไฟฟ้าทันทีไม่ได้ เพราะประชาชนจะเดือดร้อน มีเงื่อนไขสัญญาขายไฟอยู่ ที่สำคัญคือ ครม.ให้การรับรองการขายไฟให้ประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานที่ประสานเหล่านี้ต้องแจ้งมหาดไทย
“ก็สั่งมาสิ สั่งมาให้เรียบร้อย และผมก็ต้องรับฟังคำสั่งที่ถูกต้อง มีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ตามข่าว ความรู้สึก ความเชื่อ หรือการวิเคราะห์ของตัวเอง ไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของผม จะไปสั่งอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องของรัฐ และสนธิสัญญาต่างๆ” นายอนุทินกล่าว พร้อมย้ำว่า “ท่านนายกฯ ยังไม่ได้สั่งผมเลย ผมจะไปทำตามคนอื่นได้ยังไง”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง โยนกลับไปว่า หากเป็นเรื่องการตัดไฟก็อยู่ในดุลยพินิจของเขาอยู่แล้วที่ต้องทำการ แต่หากเขาไม่มั่นใจว่าบริเวณตรงนี้มีปัญหาหรือไม่ก็จะให้ฝ่ายความมั่นคงช่วยดำเนินการ ถือเป็นการดำเนินการตามปกติ ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคงที่หมายถึง คือ ทหาร ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ตนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็ต้องทำหน้าที่ประสานงาน
กองทัพภาคที่ 3 พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า เป็นเรื่องของ กฟภ.และมหาดไทยเป็นผู้ดูแล โดยเรามีหน้าที่สนับสนุนด้านกำลังพล มีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์สั่งการชายแดน ส่วนเรามีหน้าที่สนับสนุนกำลังพลเพื่อตรวจสอบข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะจุดท่าข้ามต่างๆ บริเวณแนวชายแดนและจุดที่สามารถลุยข้ามลำน้ำได้ และพื้นที่ทุรกันดารเราต้องช่วยเหลือร่วมมือกันเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดถือเป็น CEO
สภาความมั่นคงแห่งชาติ มีรายงานว่าจะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงกับ กฟภ.ในสัปดาห์หน้า เพื่อประมวลข้อมูลด้านข่าวกรองที่มาจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และการขอข้อมูลจาก กฟภ.ในการตรวจเช็กจุดที่กระแสไฟฟ้าไปถึง โดยลงรายละเอียดว่า ระหว่างพื้นที่ชุมชน โรงพยาบาล โรงเรียน และเมืองจีนเทานั้นมีสัดส่วนเท่าไหร่ และนำไปเป็นข้อมูลในการยกเลิกกับบริษัทที่ทำสัญญาและตัดกระแสไฟฟ้าต่อไป
ในระหว่างที่ยังถกเถียงว่าใครจะเป็น “คนสั่ง” และ “ใครทำ” การทำงานของ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ยังเดินหน้าหลอกลวงคนไทยรายวัน เป็นภัยใกล้ตัว ทำให้คนสูญเสียทรัพย์สินเงินทองจำนวนมหาศาล แถมฐานที่มั่นยังตั้งเย้ยอยู่ชายแดน โดยพลิกแพลง ตัดตอนนำสาธารณูปโภคฝั่งไทยที่เข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาหล่อเลี้ยงเมืองบาปแห่งนี้
เมื่อมีการเปิดประเด็นจากฝ่ายค้านผ่านกลไก กมธ. สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเหตุใดคำสั่งการสุดท้ายในการ “ตัดไฟ” ถึงได้ออกมายากเย็นแสนเข็ญ ส่วนหน่วยงานรับผิดชอบ ตั้งการ์ดสูง ยกกรอบกฎหมาย การปฏิบัติ ในการดำเนินการ เพราะในที่สุดหากเกิดเรื่องหรือคดีความ คนที่ต้องเป็นหนังหน้าไฟรับผิดชอบไปเต็มๆ คือ “เจ้าหน้าที่”
ขณะที่ คำว่า “บูรณาการ” กลายเป็นเรื่อง “ขำขัน” เพราะคำชี้แจงของหน่วยและ บุคคลที่เกี่ยวข้องต่างพูดคนละทิศละทาง นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไร้ทิศทางในการหาทางออก ปล่อยให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปประชุมหารือกำหนดมาตรการและหาทางออกเอาเอง เพราะตั้งป้อมว่าเป็นเรื่องการเมืองฝั่งตรงข้าม “ตีปี๊บ-ปั่นกระแส”
เรื่อง “ไฟฟ้าเมืองบาป” จึงถูกแขวนโชว์ให้เห็นถึงความ “อ่อนแอ” ของการเมืองระบอบ “พ่อคิด-ลูกทำ” มัวแต่ระวังหลังในเรื่องเกมอำนาจ ขณะที่ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้แต่รอทิศทางที่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร โดยมีกฎหมายเป็นเกราะป้องกันในการปฏิบัติงาน
แม้การตัดไฟฟ้า-ตัดอินเทอร์เน็ตจะเป็นแค่การไล่ตาม “โจร” ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน หรือที่ต้นเหตุ แต่ก็เชื่อว่าจะมีส่วนในการลดความเข้มแข็งให้แก๊งนรกเหล่านี้ชะงักการทำชั่วลงไปได้ช่วงหนึ่ง
แต่ปมปัญหาดังกล่าวกลับประจานให้เห็นความอ่อนด้อยของกลไกรัฐบาล การเมือง ข้าราชการ ในการจัดการปัญหาของชาติอย่างชัดแจ้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องพ่อ 'แพทองธาร' ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปมชั้น 14
"แพทองธาร" ยันไม่เกี่ยวข้องปม "ชั้น 14" เพราะตั้งแต่พ่อกลับไทยจนถึงวันออกจากรพ.ไม่ได้เป็นนายกฯ ก่อนจะเล่าเรื่องพ่อ ไม่ได้รับความยุติธรรม-เคยถูกลอบสังหาร พร้อมระบุถ้าก้าวไกลตั้งรัฐบาลได้ "ทักษิณ" ก็กลับมาอยู่ดี
ตามคาด 'ทวีไอพี' ป้อง 'อิ๊งค์' โต้ 'รังสิมันต์' จินตนาการดีลแลกประเทศ-ปีศาจ
รมว.ยุติธรรมโต้ รังสิมันต์ ปม “ดีลแลกประเทศ-ปีศาจ” ชี้เป็นวาทกรรม ย้ำ “ทักษิณ” เข้าเรือนจำก่อน “แพทองธาร” เป็นนายกฯ ยันการรักษาพยาบาลเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่อภิสิทธิ์
'โรม' เปิดโปงขบวนการ 'ชั้น 14' แฉ 'แพทองธาร' พยานประจักษ์สู่ตัวการสำคัญ!
“รังสิมันต์ โรม” อภิปรายแฉปม “ป่วยทิพย์” ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ชี้ “แพทองธาร” เป็นพยานเอกและตัวการสำคัญในดีลช่วย “ทักษิณ” ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว อัดเป็น “นายกฯ จอมหลอกลวง” ขาดความซื่อสัตย์ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ฝาก ป.ป.ช. สอบสวนเพื่อเอาผิด
'วิทยุ-ทีวีรัฐสภา' เอาด้วย! โค้ดคำพูด 'โรม' ชั้น 14 'ระบบราชทัณฑ์ไม่เหมือนการไปซื้อตั๋วเครื่องบิน เพื่ออัพเกรดเฟิร์สคลาส'
เพจ วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภาโค้ดคำอภิปรายของ รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในการประชุมสภาผู้
'ลุงสุทิน' ซูฮก 'โรม' โดยส่วนตัวเกลียด แต่การอภิปรายชั้น 14 เป็นอย่างนั้นจริงๆ
นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sutin Wannabovorn ว่า โดยส่วนตัวไม่ชอบนายรังสิมั