สุมหัวดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน วางเกมซักฟอก "เปิดแผล-รอยร้าว"

‘ดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน’ ครั้งที่ 2 ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย ในวันที่ 7 ก.พ.ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะเป็นการประชุมร่วมกันของแกนนำพรรคต่างๆ เพื่อวางแผนการทำงาน ไปจนถึงการจัดสรรเวลา และหัวข้อ เนื่องจากหากเป็นเรื่องเดียวกัน ก็จะแบ่งลงในรายละเอียดปลีกย่อยให้ไม่ซ้ำซ้อน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ที่น่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือน มี.ค.

หากเทียบกับสมัยเป็น ‘อดีตพรรคก้าวไกล’ ที่มุ่งเน้นไปที่โครงการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล ‘พรรคประชาชน’ ก็อาจมีเซอร์ไพรส์อีกหลายประเด็น โดยเฉพาะการเปิดข้อมูลที่ได้รับจากข้าราชการภายใน และประชาชนทั่วไปที่ส่งเข้ามา

มองในภาพรวม พรรคไทยสร้างไทย ผู้เป็นเจ้าภาพในมื้ออาหารนี้ ก็เหมือนจะมีเพียงการเคลื่อนไหวนอกสภามากกว่า ภายหลังเกิดกรณี สส.เสียงแตก ไม่โหวตตามมติพรรค และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคเองก็ไม่รู้ว่าสามารถคุมได้มากแค่ไหน ทำให้ไม่รู้ว่าการทำงานในสภาต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ออกหน้าค้านสุดตัว ร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ‘เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ โดยเน้นไปที่ ‘กาสิโน’

ในส่วนของพรรคเป็นธรรม คงประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสิทธิมนุษยชนเหมือนเดิม

ล่าสุด นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อม และโทนของการอภิปรายว่า จะกระจายทุกเรื่อง ไม่ได้เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากเรื่องใดที่เห็นว่า ‘เป็นความบกพร่องของรัฐบาล’ ก็อยู่ในข่ายพิจารณาที่จะอภิปรายทั้งหมด

แต่จะได้เห็นการอภิปรายที่โยงไปถึง ‘ผู้นำจิตวิญญาณของรัฐบาล’ หรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิระบุว่า คงไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็นเรื่อง ‘พฤติการณ์’ ที่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งไม่ว่าจะกระทำต่อผู้ใด แต่หากเป็นการกระทำของรัฐบาล ที่ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ในกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องพูด และโยงไปถึง

พ้องด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ถึงกลยุทธ์ในการอภิปรายที่ซุ่มทำมาเป็นปีว่า แม้หลายคนอยากให้พุ่งเป้าไปที่พรรคใดพรรคหนึ่ง เพื่อให้เสียงรัฐบาลแตกกัน จนมีใครต้องหลุดจากรัฐมนตรี แต่ของในมือขณะนี้ ‘สามารถโยงไปถึงรัฐมนตรีได้เกือบทุกพรรคในรัฐบาล’

ดังนั้นจึงจะตรวจสอบตรงไปตรงมา อภิปรายรัฐมนตรีหลายคน ‘แบบดาวกระจาย’ ไม่เลือกพรรค แบ่งเป็น ‘เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน 70 เปอร์เซ็น’ และ ‘การบริหารที่ล้มเหลว 30 เปอร์เซ็น’

พร้อมเปิดเผยวิธีการที่ทำมาโดยตลอดว่า ภายหลังอภิปราย จะมีแผนส่งเรื่องให้องค์กรอิสระอื่นๆ ตรวจสอบ ตามยุทธศาสตร์ ‘เปิดแผลในสภา โรยเกลือต่อนอกสภา’ ที่หมายรวมไปถึง ‘อดีตรัฐมนตรี’ ที่ไม่อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วด้วย

สอดรับกับนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ที่ให้สัมภาษณ์ว่า โดยส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง แต่กําลังปรึกษาทางพรรค ว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด

ก่อนย้ำว่า เนื้อหาในภาพรวมจะมีครบทุกอย่าง ตั้งแต่การบริหารรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้ง 2 รัฐบาลทําให้ประชาชนผิดหวัง พร้อมเปิดเผยว่า รัฐมนตรีบางคนมีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต และการใช้อํานาจหน้าที่ในทางที่ผิด

 ระหว่างทาง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็ได้โหมโรงเรื่อง ‘ชายแดน’ และ ‘คอลเซ็นเตอร์’ มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กรณีนักแสดงชาวจีน กระทั่งการตัดไฟในตอนนี้

ยิ่งทำให้ภาพโยนกันไปมาของหน่วยงานต่างๆ สะท้อนความไม่ลงรอยของ 2 กระทรวง ทั้ง ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอกย้ำถึง ‘รอยร้าว’ หรือความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ

คงต้องมารอลุ้นกันว่า ‘เวทีซักฟอก’ ในครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะสามารถฉวยโอกาส ‘สั่นคลอนความน่าเชื่อถือ’ ของเหล่าผู้มากบารมีในรัฐบาล จนเซล้มกันได้หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้

ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน