เรื่องหนึ่งที่คาดกันว่า ฝ่ายค้านจะนำมาเป็นประเด็นในการซักฟอก-ไล่ถลุงรัฐบาล ก็คือการพุ่งเป้าถล่มรัฐบาลว่า "ล้มเหลวในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ธุรกิจสีเทาผิดกฎหมาย-ทุนสีเทา" บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้ธุรกิจสีเทา เช่น คอลเซ็นเตอร์, พนันออนไลน์, บ่อนกาสิโน, การค้ายาเสพติด, การค้ามนุษย์, ค้าอาวุธเถื่อน, ค้าของเถื่อน และธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริเวณตะเข็บชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีเครือข่ายการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง จนสร้างผลกระทบและความเสียหายต่อประเทศไทย
มีความชัดเจนตามลำดับสำหรับ "ศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล" ของพรรคฝ่ายค้าน หลังโหมโรงมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ว่าก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ รอบนี้เดือนเมษายน รัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เข้ามาบริหารประเทศต่อเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะต้องเจอศึกหนัก ถูกยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ความชัดเจนที่มากขึ้นดังกล่าวของฝ่ายค้าน เกิดขึ้นหลังการนัดกินข้าวหารือประเด็นการเมือง เตรียมพร้อมก่อนศึกซักฟอก เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย ที่มีแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านหารือและแถลงข่าวร่วมกัน
ประกอบด้วย อาทิ ในส่วนของเจ้าภาพ พรรคไทยสร้างไทย นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค เป็นต้น
หลังการหารือเสร็จสิ้นลง "ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร" นั่งโต๊ะแถลง โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า กรอบเวลาในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ชัดเจนแล้วก็คือ จะยื่นภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยคาดว่าจะเป็นวันที่ 27 กุมภาพันธ์ และฝ่ายค้านขอเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ 5 วัน
"เรามั่นใจว่า ข้อมูลหลายอย่างที่เราได้อภิปรายในครั้งนี้ สามารถที่จะส่งผลสะเทือนให้กับฝั่งรัฐบาล ทำให้รัฐบาลขาดความเชื่อมั่นได้
มีหลายประเด็นที่เราได้หารือร่วมกันแล้วพบว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมในหลายเรื่อง รวมถึง ประเด็นที่ส่อเค้าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมาธิบาลของระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลควรจะต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุล และชี้แจงได้ในระบบรัฐสภา แต่ส่วนในรายละเอียดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจจะยังเปิดเผยมากไม่ได้" ผู้นำฝ่ายค้านระบุ
ส่วนความชัดเจนในการอภิปรายประเด็น "ชั้น 14 รพ.ตำรวจ" เรื่องนี้ "หัวหน้าพรรคประชาชน" ออกตัวว่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับการอภิปรายในครั้งนี้ ซึ่งต้องรอติดตาม ยืนยันว่าหากมีข้อมูลที่สามารถพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีท่านใดก็ตาม ที่เราเห็นแล้วว่าเข้าข่ายทุจริต หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน เราก็สามารถอภิปรายได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการเก็งข้อสอบศึกซักฟอกครั้งนี้ออกมากันมากพอสมควร โดยพบว่าส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า ปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่เชื่อมถึงทักษิณ ชินวัตร ฝ่ายค้านคงจะยื่นอภิปรายแน่นอน โดยหากไม่ยื่นฝ่ายค้านเองจะเสีย โดยรัฐมนตรีที่จะถูกซักฟอกในปมนี้ก็คือ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม" ที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
การอภิปรายของฝ่ายค้านจะอภิปรายตัว พ.ต.อ.ทวี และกระทบชิ่งไปถึงทักษิณ และแพทองธาร นายกฯ และลูกสาวทักษิณ
คาดว่าหากมีการอภิปรายเรื่องชั้น 14 โดยฝ่ายค้าน อภิปรายแบบตรงไปตรงมา ไม่มีมวยล้ม หรือเกี๊ยะเซียะ คงทำให้ห้องประชุมสภาฯ ร้อนฉ่า และจะมี สส.เพื่อไทยแห่ประท้วง เพื่อตัดเกมฝ่ายค้านไม่ให้อภิปรายพาดพิงถึง "เถ้าแก่-นายใหญ่ ทักษิณ แห่งเพื่อไทย" แน่นอน
ยิ่งเมื่อช่วงนี้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็มีการไต่สวน สอบสวนปมชั้น 14 รพ.ตำรวจอยู่ มันก็ยิ่งทำให้ฝ่ายค้านมีข้อมูลในการอภิปรายได้หลากหลาย และสามารถนำมาเสริมข้อมูลให้มีน้ำหนักมากขึ้น
ทั้งการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้ ป.ป.ช.ทุกคนเป็นกรรมการไต่สวนแบบเต็มองค์คณะ หรือการตรวจสอบของแพทยสภา ที่ให้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจของแพทยสภา เข้าตรวจสอบกระบวนการรักษาตัวของทักษิณ ของ รพ.ตำรวจ ว่าได้ดำเนินการรักษาโดยถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณแพทย์มากน้อยเพียงใด ตลอดจนผลการพิจารณาตรวจสอบก่อนหน้านี้ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์กรอิสระที่ก็เคยเข้าตรวจสอบเรื่องนี้เช่นกัน ทั้งหมดนี้ฝ่ายค้านสามารถเอามาอภิปรายพาดพิง เชื่อมโยงกับการอภิปรายของตัวเอง เพื่อไล่ถล่มรัฐบาล-กระทรวงยุติธรรม และตีกระทบชิ่งไปถึง "จันทร์ส่องหล้า ทักษิณและแพทองธาร ตึกไทยคู่ฟ้า" ได้แน่นอน
เพียงแต่ก็ต้องรับมือกับการประท้วงตัดเกมของ สส.เพื่อไทยด้วย ที่จะดาหน้าประท้วงทุกครั้งที่พาดพิงถึงทักษิณแน่นอน
ส่วนปมอื่นๆ ที่มีการเก็งข้อสอบกันอยู่ว่าอาจจะมีการยื่นซักฟอกรอบนี้ มีอาทิ ปมปัญหาเรื่องที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ พ่วงไปถึงการหาทางออกกรณีปัญหาที่ดินอัลไพน์ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ ก็มีแนวโน้มว่าฝ่ายค้านอาจจะยื่นตรวจสอบซักฟอก "มท.1 อนุทิน ชาญวีรกูล" ซึ่งก็เป็นรัฐมนตรีที่พรรคส้มมักจองกฐินซักฟอกมาตั้งแต่สมัยเป็น รมว.สาธารณสุข ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะงานอะไร จะศึกซักฟอก-พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ เกือบทุกรอบ พรรคส้มจะต้องอภิปรายอนุทิน และกระทรวงที่อนุทินเป็นรัฐมนตรีตลอด และรอบนี้ก็คาดว่า ชื่อของอนุทิน-มท.1 ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาชนต้องจองคิวไว้แน่นอน เพียงแต่ต้องดูว่าข้อมูล-ประเด็นการอภิปราย จะมีอะไรมากกว่าที่สื่อนำเสนอข่าวหรือไม่
และอีกเรื่องหนึ่งที่คาดกันว่าฝ่ายค้านคงไม่ปล่อยไว้ ต้องนำมาเป็นประเด็นในการซักฟอก-ไล่ถลุงรัฐบาลแน่นอน ก็คือ การพุ่งเป้าถล่มรัฐบาลว่า
"ล้มเหลวในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ธุรกิจสีเทาผิดกฎหมาย-ทุนสีเทา”
บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้ ธุรกิจสีเทาทั้งคอลเซ็นเตอร์, พนันออนไลน์, บ่อนกาสิโน, การค้ายาเสพติด, การค้ามนุษย์, ค้าอาวุธเถื่อน, ขายของเถื่อน และธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริเวณตะเข็บชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา ลาว โดยมี "ทุนจีนสีเทา" อยู่เบื้องหลัง และมีเครือข่ายนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง เพื่อแลกกับผลประโยชน์เงินสีเทา จนสร้างผลกระทบและความเสียหายต่อประเทศไทย รวมถึงทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยกลายเป็นทางผ่านของธุรกิจผิดกฎหมาย ทุนสีเทา อาชญากรรมข้ามชาติ แม้ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมีการตัดไฟที่ส่งผ่านไปถึงเมียนมาจำนวน 5 จุด แต่ฝ่ายค้านก็ต้องอภิปรายชี้ไปในทางที่ว่า ความเป็นจริงรัฐบาล-สมช.-กฟภ.ควรต้องตัดไฟได้เร็วกว่านั้น อีกทั้งที่ต้องตัดเพราะเป็นไฟต์บังคับหรือไม่ หลังคนในรัฐบาลจีนมาเยือนไทยแบบไม่เป็นทางการเพื่อกดดันทางอ้อม ก่อนนายกฯ จะไปเยือนจีน อีกทั้งฝ่ายค้านก็คงอภิปรายทำนองว่า ที่ตัดไฟเป็นเพราะกระแสสังคมกดดัน ตั้งคำถามถึงความล่าช้าในการแก้ปัญหาทุนสีเทาบริเวณชายแดน จนสุดท้ายต้องทำให้รีบเร่งตัดไฟ หลังก่อนหน้านี้มีความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างแกนนำรัฐบาล
ซึ่งตัวหลักในการอภิปรายเรื่องดังกล่าว คงไม่พ้น "รังสิมันต์ โรม แกนนำพรรคประชาชน" ที่ไล่เก็บข้อมูลเรื่องนี้มาหลายเดือน ผ่านช่องทางคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ
จนทำให้มีข้อมูลลึกๆ หลายอย่าง ที่เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของศึกซักฟอกรอบนี้ เพียงแต่ต้องดูว่า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายใคร จะเป็นประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลฯ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง หรืออนุทิน รมว.มหาดไทย
นอกจากนี้ ก็จะมีอีกบางประเด็นที่ฝ่ายค้านกำลังรวบรวมข้อมูลให้สะเด็ดน้ำ และคุยกันอีกสัก 2-3 รอบว่าข้อมูลที่่มี เด็ดดวงพอจะซักฟอกรัฐบาล-รัฐมนตรีได้หรือไม่
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ฝ่ายค้านกำลังเกาะติดข้อมูลบางเรื่อง เช่น การใช้งบประมาณรายจ่ายของบางกระทรวงในการจัดซื้อจัดจ้างที่อาจมีความผิดปกติ ในการประมูลและทำสัญญาว่าจ้างกับเอกชน รวมถึงนโยบายเรือธงของเพื่อไทยหลายโครงการ ที่กำลังหารือกันว่าหากยื่นซักฟอกจะมีน้ำหนักและข้อมูลเพียงพอ ที่จะทำให้รัฐมนตรี-รัฐบาลสะเทือนไม่มากก็น้อยได้หรือไม่
ที่ตอนนี้บางพรรคก็ออกตัวแล้วว่า จะอภิปรายบางนโยบายของรัฐบาลอยู่ เช่น นโยบายการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จนมีการออกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ที่พบว่า ทั้ง พลังประชารัฐและไทยสร้างไทย ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ จนมีการจองคิวขอซักฟอกเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งหากอภิปรายประเด็นนี้ รัฐมนตรีที่จะถูกยื่นซักฟอกคงไม่พ้น พิชัย ชุณหวชิร รมว.การคลัง หรือไม่ก็จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ที่เป็นโต้โผใหญ่ของรัฐบาลเพื่อไทย ในการผลักดันเรื่องกาสิโน-เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มาตลอด
ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ฝ่ายค้านอาจอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ข่าวว่ายังมีอีกหลายเรื่อง แต่ต้องรอคุยกันให้ตกผลึกในฝ่ายค้านเสียก่อนว่าข้อมูลมีมากน้อยแค่ไหน และมีน้ำหนักถึงขั้นเปิดซักฟอกได้หรือไม่ โดยที่คุยกันตอนนี้ก็เช่น การอภิปรายความล้มเหลวของนโยบายการแจกเงินให้แก่ประชาชน ที่ก็แจกไปแล้วสองรอบ แต่ไม่ได้ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาแต่อย่างใด อย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้างมาตลอด เป็นต้น
และคาดการณ์ได้ว่า หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นลงและปิดสภาฯ ช่วงเดือนเมษายน ทักษิณ-แพทองธารอาจจะตัดสินใจปรับ ครม.ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2568 ที่ก็ถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่เข้าล็อกพอดี เพราะถึงตอนนั้นรัฐบาลแพทองธารก็จะบริหารประเทศร่วมๆ 8 เดือนเศษ การปรับ ครม.จึงย่อมเกิดขึ้นได้แน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
10เม.ย.ชี้ชะตาชั้น14 หมออมรสรุปสอบชงแพทยสภา/อิ๊งค์ฉลุย319เสียงไว้ใจ
ผ่านฉลุย โหวตลงมติไว้วางใจ "แพทองธาร" ท่วมท้น 319 ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง
เปิดผลสอบ "แพทยสภา" ฟอกขาวหรือเอาผิด หมอรักษา "ทักษิณ"
ในการลุกขึ้นชี้แจงของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ในประเด็นเรื่อง ดีลปีศาจ-การกลับประเทศไทยของทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรี และการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ตำรวจ เป็นเวลา 6 เดือน ทำให้นายทักษิณไม่ต้องรับโทษติดคุกแม้แต่วันเดียว
สส.พรรคส้ม เปิดแชท! ถูกเสนอ 20 ล้าน แลกเป็นงูเห่าก่อนโหวตไม่ไว้วางใจ
สส.ระยอง พรรคประชาชน เปิดหลักฐาน อ้างถูกติดต่อเสนอเงินหลายระดับ สูงสุด 20 ล้าน แลกเป็นสส.งูเห่า โหวตหนุน ‘แพาองธาร’ และหากย้ายพรรคเพิ่มอีก 5 ล้าน พร้อมตำแหน่งและเงินเดือน 250,000 บาท!
จบแล้ว สรุปผลสอบแพทยสภา ปมทักษิณนอนชั้น 14 ชงที่ประชุมใหญ่ลงมติ 10 เม.ย.
ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภาฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา สอบสวนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจเป็นเวลาร่วมหกเดือน
🛑LIVE สถานีต่อไป "คุก" !? | รายการพิเศษ ไทยโพสต์
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ : วันพุธที่ 26 มีนาคม 2568
นายกฯอิ๊งค์ เสียงแข็ง! '7 งูเห่า' ไม่มีผลต่อรองเก้าอี้ คุยทักษิณแล้ว ยังไม่ปรับ ครม.
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมสภามีมติไว้วางใจอย่างท่วมท้น ว่า ขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจ ก็ดีใจ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าพิธีการเป็นอย่างไร เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าไป พอประธานสภาพูดจบเสียบบัตรปุ๊บเลขขึ้นเลย