รอดยากป.ป.ช.จ่อฟัน อดีต44สส.พรรคส้ม แต่อาจพ้นผิดที่ศาลฎีกา!

ศึกซักฟอกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือนมีนาคม ที่มีพรรคประชาชน เป็นหัวหอกหลักของฝ่ายค้านในการนำทัพ ไล่บดขยี้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร 

โดยแม้ฝ่ายค้านยังไม่เคาะว่า จะยื่นซักฟอกแบบไหน แต่อีกไม่กี่วันก็รู้ เพราะฝ่ายค้านประกาศยื่นญัตติ 27 ก.พ. ที่ข่าวคงหลุดออกมาก่อน

กระนั้น ดูทรงการเมือง ไม่แน่อาจเป็นไปได้ที่ศึกซักฟอกรอบนี้อาจจะได้เห็นการทำหน้าที่ของแกนนำพรรคส้มหลายคนในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจในห้องประชุมสภาฯ เป็นครั้งสุดท้าย 

เหตุเพราะคดีความในชั้น ป.ป.ช. ที่เป็นชนักติดหลังมาตั้งแต่สิงหาคม 2567 หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล ในความผิดล้มล้างการปกครองฯ กำลังไล่ล่า สส.พรรคประชาชน หลายคน จนเสี่ยงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็น สส.ยาวเป็นปี

เพราะล่าสุด กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ทำหนังสือตีตรา "ลับ" ถึงอดีต สส.พรรคก้าวไกล ในกลุ่มอดีต สส. 44 คน ที่ถูกร้อง ว่าทำผิด-ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  กรณีสมัยเป็น สส.พรรคก้าวไกล ในช่วงสภาสมัยที่ผ่านมา ได้เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112  และกรณีใช้ตำแหน่ง สส.ยื่นศาลขอประกันตัวให้แกนนำม็อบสามนิ้ว ที่เคลื่อนไหวแก้ ม.112 และเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ

ทั้งสองกรณี คำวินิจฉัยศาล รธน.ระบุมีพฤติการณ์ทำต่อเนื่องเป็นกระบวนการ เพื่อลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์

ทำให้คำวินิจฉัยของศาล รธน.จึงเป็นร่มใหญ่ในการไต่สวนของอนุกรรมการ ป.ป.ช. ให้เดินตาม

ซึ่งหลังอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.พิจารณาเรื่องนี้มาหลายเดือน ท้ายสุดส่งหนังสือให้อดีต  สส.ก้าวไกลบางส่วน และปัจจุบันเป็น สส.พรรคประชาชน เช่น รังสิมันต์ โรม เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และสู้คดีกับ ป.ป.ช. ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป 

มันจึงทำให้คดีนี้ใกล้เข้าจุดไคลแมกซ์ไปทุกขณะ แต่จะพีกสุดๆ ก็เมื่อถึงช่วงอนุกรรมการไต่สวนฯ ที่มี วิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ต้องลงมติจะเอาผิดสั่งฟัน หรือจะยกคำร้อง 

หากอนุกรรมการฯ เห็นว่า การเสนอแก้ไข ม.112 และใช้ตำแหน่ง สส.ยื่นประกันตัวม็อบสามนิ้ว ไม่สามารถเอาผิดได้ ก็ทำความเห็นเสนอที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. ว่าเรื่องไม่มีมูล แต่ทว่า ต้องดูว่าที่ประชุม ป.ป.ช.จะรับลูกตามด้วยหรือไม่ เพราะอาจเห็นแย้งได้ 

แต่หากอนุกรรมการฯ เห็นว่า คำชี้แจง-การสู้คดีของกลุ่มอดีต 44 สส.ก้าวไกลไม่มีน้ำหนัก รับฟังไม่ขึ้น พิจารณาแล้วเห็นว่าทั้งหมดมีเจตนาโดยไม่ชอบ เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรม สามารถเอาผิดได้ ก็ทำความเห็นส่งให้ที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.ลงมติ ซึ่งถ้า ป.ป.ช.ลงมติว่าทั้งหมดกระทำความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ ก็จะส่งสำนวนและความเห็นของ ป.ป.ช.ไปยังศาลฎีกา โดยไม่ต้องผ่านอัยการแต่อย่างใด

ถึงตอนนี้ ชั่งน้ำหนักแล้ว มีโอกาสสูงที่อนุฯ  ป.ป.ช.จะเอาผิดอดีต สส.ก้าวไกลยกพวง เห็นได้จากหนังสือลับของ ป.ป.ช. ที่ส่งถึงอดีต สส.ก้าวไกล ระบุชัดๆ 

“มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิด” 

 ที่หากศาลฎีการับคำร้องไว้ไต่สวน ก็จะมีคำสั่งให้คนที่เป็น สส.พรรคประชาชนในปัจจุบัน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็น สส.ไว้ก่อน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะในกลุ่ม 44 คน ก็มีหลายคนไม่ได้เป็น สส.

ถ้ารูปคดีเดินตามเส้นนี้ หมายถึงศึกซักฟอกเดือนมีนาคมอาจเป็นศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายของ  สส.พรรคประชาชนบางคน โดยเฉพาะพวกดาวสภา ตัวตึงพรรคส้ม ที่กำลังจะโดน ป.ป.ช.เช็กบิล   ที่มีชื่ออยู่ในกลุ่ม 44 สส.ก็เป็นไปได้

 ไม่ว่าจะเป็น เดอะเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ, รังสิมันต์ โรม, ศิริกัญญา ตันสกุล, ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นต้น

เหตุที่บอก อาจได้เห็นเดอะเท้งกับพวก โชว์ฝีปากศึกซักฟอกครั้งนี้เป็นนัดสุดท้าย ก็เพราะเมื่อเปิดซักฟอกมีนาคม เท่ากับปีนี้ 2568 จะไม่มีการยื่นญัตติเปิดอภิปรายรัฐบาลอีกแล้ว

และคาดว่า หากเรื่องไปถึงศาลฎีกา ที่ยังไงศาลฎีการับคดีไว้พิจารณาชัวร์ และประเมินไว้ว่า จะใช้เวลาพิจารณาคดีเร็วสุดก็หนึ่งปี คือประมาณปี 2569 คดีถึงจะจบ เผลอๆ อาจลากยาวไปถึงช่วงต้นปี 2570 ที่สภาก็ใกล้ครบวาระ รอเลือกตั้งใหม่พอดี 

เดิมพันของคดีดังกล่าว หากศาลฎีกายกคำร้อง เดอะเท้งกับพวกก็เฮ รอดตัวไป

แต่หากไม่รอด ศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิดฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม โทษรุนแรงสุดอาจถึงขั้นตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต แบบเดียวกับนักการเมืองหลายคนโดนมาแล้ว เช่น ช่อ พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.อนาคตใหม่คนดัง ที่โดนเรื่อง 112 กรณีโพสต์รูปภาพไม่เหมาะสม 

และคดีนี้มีชื่อ เดอะทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างโดนตัดสิทธิ์ 10 ปี คดียุบพรรคก้าวไกล และหากคดีนี้ไม่รอด เจอดาบสอง พิธาเสี่ยงพักยาวตลอดชีวิต

กระนั้น กลุ่ม 44 อดีต สส.ก้าวไกล ก็มีสิทธิ์ลุ้นสู้คดีในชั้นศาลฎีกา ให้ตัวเองพ้นผิดได้

เหตุเพราะแนวการตัดสินคดีของศาล รธน.กับศาลยุติธรรม จะมีความแตกต่างพอสมควร  โดยเฉพาะ "ศาลฎีกา" ที่เป็นศาลสูง เพราะการจะพิจารณาลงโทษเอาผิดบุคคลใด ศาลยุติธรรมจะพิจารณาจาก เจตนา เป็นสำคัญ

หากองค์คณะตัดสินคดีของศาลฎีกาเห็นว่า การลงชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 เป็นการทำหน้าที่ของ สส. ที่รัฐธรรมนูญรับรองและให้อำนาจไว้ อีกทั้งอาจมองว่า ที่เอาตำแหน่ง สส.ไปยื่นประกันตัวให้แกนนำม็อบสามนิ้ว เป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด ต้องถือว่าผู้ต้องหา-จำเลยคือผู้บริสุทธิ์ การยื่นประกันตัวแล้วศาลอนุญาต เป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมฯ 

จึงไม่แน่ ศาลฎีกาอาจยกคำร้องอดีต 44  สส.ก้าวไกล รอด ไม่ถูกเอาผิด ก็ได้เช่นกัน

เพราะเคยมีให้เห็นมาแล้ว เช่นคดี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดี "ย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช.” ที่ทั้งศาลปกครองสูงสุดและศาล รธน.ตัดสินไปในทางเดียวกัน ว่าเป็นการย้ายโดยมิชอบ โดยเฉพาะศาล รธน. มีคำตัดสินให้ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 2557

 ต่อมา ป.ป.ช.เดินตามคำตัดสินของศาลรธน. ส่งฟ้องยิ่งลักษณ์ เอาผิดคดีอาญามาตรา 157 ปรากฏว่าเมื่อ ธ.ค.2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ยกฟ้องยิ่งลักษณ์ เพราะเห็นว่า ไม่มีเจตนา พิเศษสร้างความเสียหาย ทำเอา ป.ป.ช.หงายท้อง เพราะคิดว่าคำตัดสินจะออกมาแนวเดียวกับศาลปกครองสูงสุดและศาล รธน.

คดีเอาผิดอดีต สส.ก้าวไกล 44 คน หากไม่รอดในชั้น ป.ป.ช. ก็มีลุ้น อาจรอดที่ศาลฎีกาก็ได้?  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุริยะใส' วิเคราะห์ 'เพื่อไทย-ปชน.' พันธมิตรทางอุดมการณ์ ขาดสะบั้นแล้วจริงหรือ?

ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเผยแพร่บทวิเคราะห์ “เพื่อไทย vs พรรคประชาชน: พันธมิตรทางอุดมการณ์

'คปท.' ถาม 'ปชน.' เรื่อง ความถูกต้องของบ้านเมือง เดินต่อหรือไม่ หรือแค่จบในสภา

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ได้โพสต์เฟสปุ๊กภายหลังที่ประชุมสภาฯลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า

'เท้ง' มั่นใจศึกอภิปรายไม่เสียของแน่นอน!

'เท้ง' ยันไม่เสียของแน่นอน ซักฟอก 'นายกฯอิ๊งค์' ไม่เป็นผล เตรียมยุทธการโรยเกลือต่อ ไม่ขอประเมินอายุรัฐบาล แต่ถ้า 'แพทองธาร' อยู่ต่อ คนไทยจะอายุสั้นลง

ประมวลวาทะ ‘แพทองธาร’ ย้อนเกล็ดพรรคประชาชน! ท้าประกาศมาจะร่วมไม่ร่วมกับใคร

“แพทองธาร ชินวัตร“ ตอบโต้ข้อกล่าวหาขาดภาวะผู้นำ ถูกพ่อครอบงำ พร้อมเผยดีลทางการเมืองปี 66 และเรียกร้องให้พรรคประชาชน ประกาศจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า