อภิปรายไม่ไว้วางใจสาวไส้‘นายใหญ่’ หรือทิ้งทวนเวทีสุดท้าย‘25สส.ปชน.’

ภายหลังเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการรวบรวมญัตติของ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าแต่ละพรรคจะอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน และมีข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร เพื่อนำมาเรียบเรียงเขียนเป็นญัตติเดียว

ก่อนจะเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ โดยคาดว่าการอภิปรายจะเริ่มขึ้นหลังจากนั้น 15 วัน ตามความพร้อมของรัฐบาล หรือประมาณช่วงต้นถึงกลางเดือนมีนาคม

แม้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการเตรียมผู้อภิปรายไว้แล้วกว่า 20 คน แต่เหตุผลที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในการอภิปรายได้ “เพราะตามกระบวนการ การเปิดเผยข้อมูลอาจจะนำไปสู่การที่เข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรืออาจจะมีการเสนอจ่ายค่าตอบแทนเพื่อไม่ให้พูดเรื่องนั้นๆ”

จากการเก็งข้อสอบ หลายฝ่ายมองไปในทิศทางเดียวกันว่าน่าจะล็อกเป้าไปที่การล้ม รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ "พรรคภูมิใจไทย" รวมถึง "คนในเครือข่ายรัฐบาลไทยรักไทย"

และ นายใหญ่เพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากกว่า นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่

เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เริ่มมีการเปิดเรื่องใหม่ เผยข้อมูล ชี้ช่องโหว่ เพื่อเชื่อมโยงไปถึง "บุคคลที่อยู่เบื้องหลัง" ผู้ชักใยในหลายประเด็น เพราะหากจะโจมตีแค่เพียง น.ส.แพทองธาร ก็อาจทำให้สังคมโฟกัสผิดประเด็นจนสาวไส้ไปไม่ถึง

ด้านแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ต่างประสานเสียงปกป้องเชิงดักคอ หากมีการพาดพิงถึงนายทักษิณ อย่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า “การอภิปรายไม่ไว้วางใจคือให้อภิปรายรัฐบาล มีข้อวิจารณ์หรือข้อแนะนำอะไรให้กับรัฐบาล ไม่ใช่จะอภิปรายใครก็ทำได้ เพราะมีกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับสภากำหนดอยู่ ขอให้ฝ่ายค้านตรวจสอบทบทวนให้ดี ถ้าไปอภิปรายคนนอก ข้อบังคับสภาและกฎหมายไม่ได้คุ้มครอง”

ไม่เว้นกระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ผู้ซึ่งคาดว่าจะถูกวางตัวเป็นหนึ่งในผู้ถูกอภิปรายกรณีการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ของนายทักษิณ ได้ระบุว่า “กังวลถึงประเด็นข้อกฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ระบุไว้ว่า เรื่องที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว หากมีการนำรายละเอียดไปเปิดเผยจะมีความผิดตามกฎหมาย อีกทั้งข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎรต้องอภิปรายตรงประเด็น การพาดพิงบุคคลภายนอกเป็นเรื่องไม่สมควร พร้อมย้ำว่า ประเด็นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คือเรื่องไม่สมควร”

ขณะที่ นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ จะมีการฟ้องหรือไม่ว่า “ผมเข้าไปในสภาไม่ได้ แต่อาจไปอยู่หลังสภาคอยตอบให้ ถ้าใครสงสัยอะไรมาถามได้ ท่าจะดีเหมือนกัน หากพาดพิงจริงก็ตอบได้ ให้มาถามก็แล้วกัน ส่วนจะตอบในรูปแบบใด ไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่ต้องติวให้นางสาวแพทองธาร”

ทำให้ต้องจับตารอชมเซอร์ไพรส์ที่ พรรคประชาชน เตรียมเปิดข้อมูลที่ได้รับจากข้าราชการเกี่ยวกับการ ทุจริตคอร์รัปชันภายในกระทรวง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือ "เปิดทาง" ให้ดำเนินการโครงการใดๆ ว่าจะสามารถ เปิดแผลก่อนโรยเกลือ ได้เท่ากับสมัย "พรรคก้าวไกล" หรือไม่

เนื่องด้วยยังมีความกังวล ภายหลังไม่นานนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือลับส่งถึง อดีต สส.พรรคก้าวไกล ที่ถูกกล่าวหากระทำการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการเข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกรณีกรณีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ

ในจำนวน 44 คนนั้นมีผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ 10 ปี ไปแล้ว 8 คน และกลายเป็นอดีต สส. อีก 11 คน ทำให้ยังคงเหลือ สส.ปชน.ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ในสภาเพียง 25 คน แบ่งเป็นแบบบัญชีรายชื่อ 17 คน และแบบเขตอีก 8 คน

โดยเฉพาะ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ที่เป็นหัวหอกเปิดเรื่อง "ทุนจีน-ไทยเทา" มาตั้งแต่ต้น

ให้ความเห็นว่า “ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ป.ป.ช.ต้องรีบขนาดนี้ เรื่องชี้แจง เราพร้อมจะไปชี้แจงอยู่แล้ว เราในฐานะที่ต้องเตรียมชี้แจง ก็ยอมรับว่าเสียสมาธิในการเตรียมอภิปราย เพราะต้องมานั่งคิดเรื่องคดีความ รวมถึงบางคนก็ต้องถอนตัวจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และถ้าตัวเลขฝ่ายค้านลดลง ก็ยอมรับว่ามีผลต่อการตรวจสอบอย่างแน่นอน”

เพราะ “ขั้นต่ำที่เราหวังผล คือการทำให้ประชาชนเจ้าของประเทศได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศของตนเอง ผลสะเทือนต่อเรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่วันนี้ แต่รวมไปถึงอนาคต” นายรังสิมันต์กล่าว

ต้องจับตาทิศทางการโหวตของ "สส.พรรคร่วมรัฐบาล" ภายหลังปรากฏรอยร้าวปริเพิ่มเรื่อยๆ ว่าจะยังคงเป็นเอกภาพหรือไม่

และติดตามกันต่อไปว่า "เวทีซักฟอกครั้งนี้" จะเป็นครั้งสุดท้ายในการนั่ง "เก้าอี้รัฐมนตรี" ของใครบ้าง หรือจะกลายเป็นเหล่า "25 อดีต สส.ก้าวไกล" เองกันแน่ที่ได้อภิปรายทิ้งทวน ก่อนถูก ป.ป.ช.สั่งฟัน!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!

รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569

รัฐสภาประชุมแก้ รธน. 10-11 ธ.ค. เชื่อผ่านวาระสาม สภาสูงไม่ตีตก

ในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการประชุมรัฐสภาในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง

โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล

'เด็จพี่' โผล่หยัน 'ปชน.' ไม่กล้าซักฟอก 'อนุทิน' กลัว 'ยุบสภา' ทำแก้รัฐธรรมนูญค้างเติ่ง

‘พร้อมพงศ์’ อัด ปชน. ตรรกกะย้อนแย้ง จี้ ‘อนุทิน’ ปลดรัฐมนตรีทุนเทา ไม่ได้ผล สอนมวย ยื่นอภิปรายใช้เสียงสภาฯ เกินครึ่งโหวตคว่ำ ปลดได้แน่ ผิดหวังห่วงเรื่องแก้รธน. มากกว่า ซักฟอกในสภาฯ ชี้ ทำแฟนคลับผิดหวัง เตรียมโดนลงโทษวันเลือกตั้ง

ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'