ยังไม่แตก!รอลุ้นอีกเฮือก'คดีฮั้ว' ให้ชัด'ดีเอสไอ-กกต.'ใครทำอะไร

ยังคงต้องลุ้นกันต่อไปสำหรับคดีคำร้องการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ หลังจากเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ดีเอสไอนัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการ และกรรมการโดยตำแหน่งอีก 10 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงยุติธรรม อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความ 

รวมถึงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ อีก 9 คน ได้แก่ ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านกฎหมาย ด้านการสอบสวนคดีอาญา ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการและเลขานุการ ร่วมกันพิจารณาเรื่องของคณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้มีมติรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษใน 2 คดี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคดีการร้องเรียนกรณีการฮั้วเลือก สว.

โดยใช้เวลาหารือในที่ประชุมเดือดกว่า 3 ชม. ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับคดีทางอาญา ฐานความผิดที่ระบุไว้คือ การฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเป็นการกระทำเข้าข่ายข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่มีปัญหาที่เป็นข้อถกเถียงที่ต้องทำให้รอบคอบ คือคดีที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่แจ้งชัด เพราะที่ผ่านมาเป็นการแจ้งผ่านเลขาธิการ กกต. ยังไม่ใช่คณะกรรมการฯ

เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นและสิ้นข้อสงสัย อีกทั้งยังมีข้อโต้แย้งในที่ประชุมบางส่วนระบุว่า ยังไม่ผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการกลั่นกรองของดีเอสไอ แม้เลขาฯ ในที่ประชุมได้พิจารณาแล้วว่าเป็นคดีเร่งด่วนที่ต้องนำเข้าพิจารณาก็ตาม จึงมีมติถอนเรื่องนี้ไปให้อนุกรรมการฯ พิจารณาให้ครบถ้วนตามขั้นตอน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม กคพ.อีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค.นี้ และจะต้องเชิญประธาน กกต. หรือผู้แทนที่มีอำนาจเข้าร่วมประชุม เพื่อสอบถามความชัดเจนว่า เนื่องจากเป็นคดีมีความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างความผิดทางคดีอาญา กับคดีความผิดเกี่ยวกับการได้มาทั้ง สว. อำนาจการดำเนินคดีจะเป็นของใคร ซึ่งดีเอสไอพร้อมที่จะดำเนินการในทุกคดี หรือ กกต.จะทำคดีความผิดเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง สว.เอง

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนในเบื้องต้นของดีเอสไอ จากกลุ่ม สว.เพื่อประชาชน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ที่ได้นำกลุ่ม สว.ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกมาร้องเรียนต่อดีเอสไอ พบพฤติการณ์สำคัญในคดีฮั้วเลือก สว. ดังนี้

1.โพยที่สอดคล้องกับสมาชิกวุฒิสภา โดยพบโพยที่มีชื่อสมาชิกวุฒิสภา 140 คน ซึ่งสอดคล้องกับสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน

2.การใช้เงินในการฮั้วเลือก มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการใช้เงินในการฮั้วเลือก โดยมีค่าตอบแทนแบ่งเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับการมีส่วนร่วม

3.การดำเนินการแบบขบวนการ ดีเอสไอระบุว่า มีการดำเนินการแบบขบวนการและมีการจ่ายค่าจ้าง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับอั้งยี่

4.การใส่เสื้อเหลืองเป็นกลุ่มในคดีฮั้วเลือก สว. โดยขบวนการได้แจกเสื้อสีเหลืองให้กับผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ และอำนวยความสะดวกโดยจัดหารถตู้โดยสารส่งผู้สมัครเดินทางไปเมืองทองธานีเพื่อเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ ซึ่งการใส่เสื้อสีเหลืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประสานงานและจัดกลุ่มของผู้สมัครที่เกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้วเลือก สว.

ในส่วนความผิดที่คาดว่าดีเอสไอจะดำเนินการมีอยู่ 3 กรณี คือ 1.ความผิดในลักษณะการจัดตั้งกลุ่ม กลุ่มขบวนการที่ปกปิดวิธีการดำเนินงาน และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบ อันเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 2.ความผิดในลักษณะชักจูง ชักนำ จัดตั้งกลุ่มขบวนการเลือก สว.อันนี้ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนที่จะตั้งใจล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) และ 3.ความผิดในการให้สัญญาจะให้ เพื่อให้บุคคลลงคะแนนในการเลือก สว.โดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม อันเป็นความผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 มาตรา 77 (1) และความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

อย่างไรก็ตาม มีการประสานงานระหว่างดีเอสไอและ กกต.ในคดีฮั้วเลือก สว.มาก่อนหน้านี้ โดยดีเอสไอส่งเอกสารแจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวนไปยัง กกต. เพื่อแจ้งว่ามีการพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการฮั้วเลือก สว. และขอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความผิดทางอาญาทั้งอั้งยี่และฟอกเงิน

โดย กกต.ตอบกลับว่า “ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ในชั้นคณะกรรมการฯ เนื่องจากยังไม่มีข้อเท็จจริงว่าดีเอสไอรับเรื่องไว้หรือไม่ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สว. แต่ดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความผิดทางอาญา”

ทั้งนี้ หาก กกต.ยุติการดำเนินการคดีฮั้วเลือก สว.แล้ว ดีเอสไอไม่จำเป็นต้องยุติการดำเนินการ เนื่องจากดีเอสไอมีอำนาจในการสอบสวนและดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความผิดอาญา เช่น อั้งยี่ ซ่องโจร และฟอกเงิน สามารถดำเนินการสอบสวนและพิจารณารับคดีเป็นคดีพิเศษได้ตามอำนาจหน้าที่ หากพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมาย เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมายื่นต่อดีเอสไอโดยตรง

สุดท้ายต้องรอบทสรุปในที่ประชุมวันที่ 6 มี.ค. ว่า กกต.จะมอบหมายให้ดีเอสไอดำเนินการทั้งหมด หรือให้ทำเฉพาะคดีอาญา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี

นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน

แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’

นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ