ยื่นตีความปม‘ซื่อสัตย์’ ใช้ศาลรธน.เซฟ‘อิ๊งค์’

อ่านแวบแรกสังคมอาจดูแคลน รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ก.พ. มอบหมายให้ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคำนิยาม “ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” คืออะไร

ทั้งที่เรื่องเหล่านี้ไม่เพียงแต่สังคม ชาวบ้าน หรือเด็กนักเรียน ย่อมเข้าใจว่า “ซื่อสัตย์” ต่างจาก “ทุจริตคอร์รัปชัน” หรือ “คนดี” กับ “คนไม่ดี” แตกต่างกันอย่างไร แต่ ครม.นี้กลับแยกแยะไม่ออก

แต่หากใครอ่านหมากหลายชั้นคงพอมองออก รัฐบาลต้องการยื่นตีความปม “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” คงไม่ได้แค่ต้องการแค่คำนิยามเท่านั้น แต่คงหวังประโยชน์จากเกมนี้หลายต่อ

เช่น เพื่อความชัดเจน และขอบเขต รองรับการปรับ ครม.ช่วงเดือน เม.ย. หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติที่กำหนดไว้สัปดาห์สุดท้ายของเดือน มี.ค.นี้

รวมถึงเป้าหมายหลักที่ นายกฯ อิ๊งค์ และทีมกุนซือตึกไทยฯ หวังใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็น “รัฐกันชน”

ตามกระแสข่าวโยงไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้รับไฟเขียวจาก นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร ให้คืนเก้าอี้ ครม. เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกครั้ง เข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ และความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล

นอกจากนี้ยังมีชื่อ ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยอีกคน แต่คนวงในบอกว่า “เจ้าพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง” ไม่ขอกลับมาเป็นเป้าโจมตีในตำแหน่งรัฐมนตรี และพอใจกับบทบาท สส.ในวันนี้ โดยส่งไม้ต่อให้ลูกสาวเป็น รมช.มหาดไทยไปแล้ว

เกมนี้เมื่อยื่นไปแล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสิน หรือสุดท้ายไม่รับพิจารณา ก็เท่ากับว่าในอนาคตหากปรับ ครม.อิ๊งค์ 2 มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรฐานเก่าในการแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยยึด “โมเดล ครม.อิ๊งค์ 1” ที่ผ่านการสแกนยิบ นำโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ฯลฯ

ดังนั้นใครที่มีคุณสมบัติสุ่มเสี่ยง หรือมีมลทินในอดีต ก็จะไม่ได้เข้ามานั่งใน ครม.แบบยาวๆ หรือตลอดชีวิต จึงเท่ากับเป็นการเซฟ และลดแรงปะทะทางการเมืองที่เข้ามากดดัน นายกฯอิ๊งค์

ที่สำคัญ ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงตกม้าตายซ้ำรอย เศรษฐา ทวีสิน เพราะแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ต้องพ้นเก้าอี้นายกฯ เพราะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริต และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงมาแล้ว

ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่รับพิจารณาในเรื่องนี้ สอดรับกับความเห็นทางกฎหมายอย่าง อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นในเชิงหลักการโดยไม่ระบุตัวบุคคลว่า เข้าใจว่าในมุมกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญมีโอกาสไม่รับพิจารณา มีมากกว่ารับพิจารณา เพราะศาลอาจจะมองว่ายังไม่มีการตั้ง ครม. และปัญหายังไม่เกิด หรือขัดแย้งระหว่างองค์กรให้เกิดขึ้นเสียก่อน และต้องยอมรับว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีหน้าที่ตีความหรือให้คำปรึกษา

เมื่อถามว่า หาก ครม.ถาม ระบุรายคนได้หรือไม่ว่าจะแต่งตั้งคนที่มีปัญหาในอดีตเข้ามาใหม่ได้หรือไม่ นายปริญญาบอกว่า ถามศาลแบบนี้ไม่ได้ ต้องรอให้เกิดปัญหาก่อน ยิ่งไปถามรายบุคคล ศาลคงไม่ตอบ

เช่นเดียวกับ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน อธิบายว่า การโยนหินถามทางในเรื่องคุณสมบัติ รมต. โดยเฉพาะมาตรา 160 (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเชิงประจักษ์ โดยนำโมเดลของนายเศรษฐาตกเก้าอี้มาถอดบทเรียนของพรรคเพื่อไทย บ่งชี้ได้ว่ามีแนวโน้มสูงจะมีการปรับ ครม.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ

แม้บางคนเคยต้องคำพิพากษาในต่างประเทศ ย่อมมีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 160 (4) ไปด้วย หากนายกรัฐมนตรีฝ่าฝืนเสนอรายชื่อ “งานเข้าแน่นอน” เพราะไม่ได้มีขอบเขตเฉพาะเขตราชอาณาจักรไทย

นักกฎหมายมหาชนกล่าวต่อว่า หากพิจารณาคำร้องที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนหน้านี้นั้น ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไม่รับคำร้องของนายไผ่ ลิกค์ สส.พรรคกล้าธรรม ซึ่งขณะนั้นเป็น สส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีแนวโน้มว่าจะไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่ติดคุณสมบัติกรณีเคยถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน แต่รอการลงโทษไว้

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานกรณีไม่รับคำร้องไว้พิจารณาว่า “ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและให้ความเห็นทางกฎหมาย” ไม่ต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 46 มาแล้ว

 “การโยนหินถามทางของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานไม่รับคำร้องไว้พิจารณา” นักกฎหมายมหาชน ฟันธง

ฉะนั้น หากสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาเรื่องนี้จริง ใครที่เคยดูแคลน “นายกฯ อิ๊งค์” ว่าเป็นอนุบาลทางการเมือง คงต้องกลับไปคิดเสียใหม่ เพราะหมากนี้เซียนการเมืองเท่านั้นที่คิดได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กังขา 'ปชน.' ไม่จับมือ 'กธ.' แต่จับมือ 'พท.' แม้ 'ทักษิณ-ประเสริฐ' แนบแน่น 'เบน สมิธ'

นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพราะ ธรรมนัส สนิทกับ เบนสมิธ

ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง

บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย

‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)