'ขัดแย้งไป-เคลียร์ไป'ลากรัฐบาล คดีกวนใจ'นายใหญ่'กับเกมยึดอาวุธลับ

“ไม่สามารถคาดเดาว่าระเบิดลูกไหนจะทำงานก่อน และส่งผลให้เกิดการล้มกระดานไปเร็วก่อนครบวาระ จึงต้องค่อยๆ เก็บเบี้ยตัวสำคัญ และอาวุธลับที่ใช้เผด็จศึกศัตรูให้มาอยู่ในมือตัวเองมากที่สุด พร้อมไปกับเช็กทิศทางขององค์กรที่ชี้เป็นชี้ตาย”

ผลพวงที่ตามมาจากการพบกันระหว่าง "นายใหญ่" และ "ครูใหญ่" เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่พบว่าจะสามารถทำให้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย สามารถจบลงได้ด้วยดี

โดยการ “เคลียร์ใจ” ครั้งนี้น่าจะมีบางอย่างที่ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายต้องการคุมสภาพการเมืองให้ได้มากกว่านี้ จากปมประเด็นในหลายเรื่องที่ยังสะดุด ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ต้องการให้เกิดสภาวะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เพราะบทเรียนในอดีตทำให้ทราบดีว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ก็จะตกเป็น “เบี้ยล่าง” กลายเป็นลูกไล่ของ “ระบอบทักษิณ” ไปโดยปริยาย

ปรากฏการณ์แรกที่ทำให้เห็นว่ายังเคลียร์ไม่ลงตัว คือ "คดีฮั้วเลือก สว." แม้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับเป็นคดีพิเศษในฐานความผิดอาญาเกี่ยวกับฟอกเงินเพียงความผิดเดียว เพราะในลักษณะของคดีความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ถือเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 มาตรา 21

ซึ่งตามวรรคหนึ่งระบุว่า เป็นคดีพิเศษได้ด้วยอำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเสียงเกินกึ่งหนึ่งของกรรมการที่มี โดยเฉพาะถ้าเป็นการชี้ขาดว่าให้เป็นความผิดฐานฟอกเงินทางอาญาแห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 เพราะเข้าเงื่อนไขกรณีที่มีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 อยู่แล้วนั้น จะเป็นคดีพิเศษได้โดยไม่ต้องอาศัยมติบอร์ด พูดง่ายๆ คือคดีนี้ “อธิบดีดีเอสไอ” รับจบเองได้

ทางออกนี้พอจะ "กลืนเลือด" ไปได้แบบตึงๆ โดยติดเบรกในการลากไปถึงข้อหาแบบสุดซอยอย่างอั้งยี่ ซ่องโจร แต่ประเด็นฟอกเงินจะค้ำคอ และขยายไปสู่ข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจรได้เหมือนกัน และสุ่มเสี่ยงต่อการลากไปสู่คดียุบพรรค หากตัวละคร หลักฐาน เส้นเงินไปถึงใคร แต่นั่นก็ต้องมัดแน่นพอว่าเกี่ยวกับพรรคการเมือง ไม่ใช่แค่เครือข่ายของเบื้องหลัง

ซึ่งตามความเห็นของนักวิชาการมองว่า ต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนพอสมควร ซึ่งอาจนานเป็นปี เนื่องจากต้องตรวจสอบพยานหลักฐานจำนวนมาก และมีบุคคลเกี่ยวข้องถึง 1,200 คน รวมถึงบุคคลภายนอกที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะสนับสนุนการกระทำความผิด

นอกจากนั้น ยังต้องรอความเห็นจากพนักงานสอบสวนว่าควรสั่งฟ้องบุคคลใด รวมถึงการพิจารณาโดยอัยการและศาล ซึ่งทำให้สถานภาพของ สว.ในขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง จนกว่าจะมีข้อสรุปว่าใครเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดบ้าง

ในขณะที่กลไกองค์กรอิสระอย่าง กกต.ยังเปรียบเสมือน “กล้ามเนื้อนอกบังคับ” ของฝั่งสีแดง ที่ไม่รู้ว่าจะถูกอาวุธลับซัดเข้าใส่ฝั่งตัวเองเมื่อไหร่ หากเกิดจุดแตกหัก และถ้าไม่มีคดีฮั้ว สว.ที่คาไว้ คดีที่มีการร้องเรียนอยู่มากมายก็อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโค่นอำนาจได้ทุกเมื่อ

นอกจาก กกต.แล้ว ยังมีองค์กรอิสระอีกหลายองค์กร ที่ฝ่ายสีแดงยังคุมไม่ได้ แต่เป็นมือไม้ให้ค่ายสีน้ำเงินได้ใช้ประโยชน์ ไว้ต่อรองกดดัน  

ดังนั้น จึงมีกระแสข่าวหนาหูว่ามีการ "ขอแชร์การดูแล" สว.ส่วนหนึ่ง เพื่อเป้าหมายในการวางคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในองค์กรอิสระบ้าง เพราะ สว.มีบทบาทในการ คัดสรร ให้ความเห็นชอบตัวบุคคล

ซึ่งหากสามารถวางคนของตัวเองไว้ได้บ้างตามที่ตั้งใจ ก็จะทำให้การเดินเกมทางการเมืองของฝ่ายสีแดงราบรื่นมากกว่าที่เป็นอยู่  

เพราะอย่าลืมว่าในแผนที่ทางอำนาจ มีเป้าหมายชัดเจนในการค้ำยันเก้าอี้นายกฯ และปูทางให้พรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

จึงไม่แปลกที่ “นายใหญ่” จำเป็นต้องใช้บริการองคาพยพของผู้กอง สาขาเพื่อไทยส่วนแยก ในการกวาดต้อนบ้านใหญ่ ใส่พลังกล้วยให้งูเห่า สส. นักการเมืองฝากเลี้ยง ที่รอสัญญาณกดสวิตช์แสดงตัวเมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง

ณ วันนี้ “นายใหญ่” เชื่อในคณิตศาสตร์การสะสมไพร่พล ที่ผู้กองรวบรวมมาวางไว้ที่หน้าตัก จนเชื่อมั่นว่าเพียงพอที่จะเปิด “ดีล” คุยได้ทุกวงโดยไม่เสียเปรียบ และเป็นการการันตีแรกว่า “บ้านใหญ่” คือลายแทงไปสู่ชัยชนะ เหลือเพียงสนามเมืองกรุงที่ยังถอดสมการคว้าเสียงคืนมาได้ยาก

การเมืองเบื้องหลังคือ การตัดเงื่อนไข เพิ่มโอกาส จัดหาไพร่พล กระสุนดินดำ เตรียมไว้รอเพียงสัญญาณว่า “นายกฯ เจนวาย” ยังอยากสนุกต่อหรือพอแค่นี้ เพราะบทบาทที่เล่นก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด

แต่ก่อนอื่นก็ต้องลากรัฐบาลไปให้ตลอดรอดฝั่ง โดยที่ นายกฯ ไม่บอบช้ำจากการเปิดแผลทางการเมืองในสภา

พร้อมกับต้องเช็กสภาพพรรคร่วมรัฐบาลว่า ไม่มีใครซ่อนมีดไว้ข้างหลัง

 โดยมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลอาจจะถอนร่าง กม. "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.กลางอากาศ  รอไปหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นค่อยว่ากันต่อ

แค่จะใช้ประเด็นนี้เช็กกลุ่มมวลชนที่กำลังขยับตัวว่า “สีน้ำเงิน” มีเอี่ยวหรือไม่

พร้อมกับการลดเงื่อนไขใช้เรื่องนี้เป็นหัวเชื้อในการชุมนุมไล่นายกฯ ล้มรัฐบาล จุดไฟความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง หวังทหารออกมาเอกเซอร์ไซส์ ล้างไพ่รัฐบาล 

หากเร่งร้อนไปก็จะไปเข้าทางกลุ่มที่หวังให้เกิดเงื่อนไขและการเผชิญหน้า

แต่กระนั้นยังมีระเบิดเวลาอีกหลายลูกที่ “นายใหญ่” และ “ลูกอิ๊งค์” ไม่สามารถคาดเดาว่าระเบิดลูกไหนจะทำงานก่อน และส่งผลให้เกิดการล้มกระดานไปเร็วก่อนครบวาระ

จึงต้องค่อยๆ เก็บเบี้ยตัวสำคัญ อาวุธลับที่ใช้เผด็จศึกศัตรูให้มาอยู่ในมือตัวเองมากที่สุด พร้อมทั้งเช็กทิศทางขององค์กรที่ชี้เป็นชี้ตายอยู่เป็นระยะ

จะเห็นได้จากการที่นายใหญ่ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งผลที่ออกมาแม้จะไปในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน แต่ก็ใช่ว่าศาลจะอนุญาตทุกครั้ง

และถ้าพรรคฝ่ายค้าน "ขึงผืด" เปิดประเด็นไปที่ “นายใหญ่ชั้น 14” ที่ถูกแซะเรื่องป่วยทิพย์ นักโทษอภิสิทธิ์ชน ก็จะเป็นการตอกย้ำในเรื่อง “ยุติธรรมสองมาตรฐาน-นักโทษมีเส้น”

 ยังไม่นับคดีความที่เป็น “หนามยอกอก” ในความผิดคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร จากกรณีให้สัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้่องสูงกับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้  เมื่อปี 2558  

จึงไม่แปลกถ้านายใหญ่จะกังวล หากทิศทางของศาลออกมาไม่เป็นบวกกับตัวเอง โดยเฉพาะหากศาลไม่ได้ไฟเขียวผ่านตลอดในการขอเดินทางออกนอกประเทศ

และวันที่ 1-3 ก.ค.นี้ จะมีนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ครั้งแรก และนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะเริ่มในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 ก.ค. 2568 หลังจากนั้นจะจัดทำคำพิพากษาของศาล

นั่นเป็นด่านแรก และด่านสำคัญสำหรับนายใหญ่ที่ต้องผ่านไปให้ได้ก่อน ถึงจะเดินเกมแชร์คนของตัวเองเข้าไปในองค์กรอิสระได้ง่ายขึ้น ก่อนปูพรมแดงทางการเมืองต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาดงบฉ่ำๆ 7.4 พันล้าน รองรับภัยแล้ง 2,478 รายการ กระจายถ้วนหน้า 4 กระทรวง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.อนุมัติตามที่สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เสนอ เรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 68 ใช้งบกลางเพื่อการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการจัดการทรัพยากรน้ำ

นายกฯ เผย ครม.สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขหลักเกณฑ์เยียวยาแผ่นดินไหว

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องการเยียวยาเหตุการณ์แผ่นดินไหว จะมีการตามเรื่องหลักเกณฑ์ กรมบัญชีกลางที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

เขย่าเก้าอี้-ปล่อยสูตร ครม. คนใน (พท.) อยากปรับ สลับคนต่อแถว

กระแสข่าว ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกลือรายวัน แม้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันหลายครั้งว่ายังไม่ปรับ