เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ เหมือนการชำแหละปัญหาหลายอย่างที่ถูกซุกซ่อนให้เปิดเผยตัวออกมา
ตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม แม้การสอบสวนสาเหตุจะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อสังเกตหลายประการที่น่าสนใจ โดยประเด็นเรื่องวัสดุก่อสร้างและการออกแบบที่ได้มาตรฐานหรือไม่ ขนาด สตง.เป็นหน่วยงานตรวจสอบหน่วยงานอื่น ยังเจอปัญหาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ยังนำไปซึ่งข้อสังเกตอีกหลายประการว่า เหตุใดตึกหรืออาคารที่มีปัญหาหลังแผ่นดินไหว มักจะเป็นอาคารของหน่วยราชการมากกว่าเอกชน จนนำไปสู่คำถามที่ว่า ระบบการประกวดราคาของภาครัฐที่ใช้ในปัจจุบัน สามารถป้องกันการทุจริตได้จริงหรือไม่ หรือแท้จริงมันยังมีช่องโหว่อยู่
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการ ‘จัดการปัญหา’ ของรัฐบาล ภายใต้การนำของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการเตรียมการรับมือการเผชิญเหตุแผ่นดินไหวเอาไว้เลย มีเพียงตึกสูงที่สร้างหลังปี 2550 เท่านั้นที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับแผ่นดินไหว
วิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้องว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวต้องทำอย่างไรนั้นไม่มี ประชาชนที่แตกตื่นออกมานอกตัวอาคารตอนเกิดเหตุ หรือการหลบใต้โต๊ะ คือความรู้พื้นฐานที่รับรู้เท่าๆ กัน จากเหตุการณ์ในต่างประเทศ ประชาชนเคว้งคว้าง และอยู่ในภาวะเดดแอร์นานหลายชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากนั้น
ขณะที่ ‘ระบบแจ้งเตือน’ ถูกวิจารณ์มากที่สุด กว่า ประชาชนจะได้รับ SMS ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง หลายนาที และบางคนก็ไม่ได้รับข้อความเลย แน่นอนว่าแม้การแจ้งเตือนล่วงหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นสิ่งที่ยาก แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วควรจะแจ้งให้ประชาชนทราบโดยเร็วที่สุด ไม่ได้ล่าช้าแบบนี้
ไม่เพียงเท่านั้น เนื้อหาใน SMS ควรกระชับ เข้าใจง่าย ทั้งเกิดเหตุอะไรขึ้น และประชาชนควรต้องทำอย่างไรในสถานการณ์นั้น ต้องมีการส่ง SMS ต้องแจ้งเตือนเป็นระยะๆ จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หรือแม้แต่ล่าสุด เหตุการณ์แตกตื่นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และอีกหลายๆ แห่งใน กทม. เมื่อช่วงสายวันที่ 31 มีนาคม กว่าจะออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการว่าเกิดอะไรขึ้นก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว
ขณะที่แอ็กชัน นายกฯ อิ๊งค์ หลังหวดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านระบบเตือนภัยไปแล้วเมื่อวันเสาร์ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่ทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ ปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านการแจ้งเตือนภัย ต่างโดนบี้ละเอียดยิบ จนถูกมองหรือแอ็กชันนี้เป็น ‘การแก้เก้อ’ ของนายกฯ เท่านั้น
ล่าสุดยังมีภาพความตื่นกลัวของประชาชนที่อพยพลงจากตึก ทันทีที่ทราบสถานการณ์ ซึ่งระหว่างนั้น นายกฯ อิ๊งค์ ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ชั้น 7 อาคาร One Bangkok ได้ออกมาสัมภาษณ์ให้ความมั่นใจประชาชน ยืนยันประเทศไทยไม่มีแผ่นดินไหวรอบใหม่ และไม่มีอาฟเตอร์ช็อก ก่อนเข้ามาทำเนียบฯ เพื่อประชุมติดตามและแก้ไขปัญหาการเตือนภัย SMS พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมถึงตัวแทนค่ายมือถือด้วย
โดยการประชุมครั้งนี้ได้มีการทดสอบระบบส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านมือถือในที่ประชุม โดยผลสรุปของวงประชุมในเรื่องการส่งข้อความแจ้งเตือนประชาชน แน่ชัดแล้วว่า Cell Broadcast ที่ใช้ในการส่งข้อความสั้นพร้อมกันไปยังผู้ใช้โทรศัพท์จะมาเต็มระบบในเดือนกรกฎาคมนี้ ระหว่างนี้ผู้ใช้ระบบมือถือแอนดรอยด์ 70 ล้านเลขหมาย ให้ใช้ Virtual Cell Broadcast หรือการส่งข้อความเสมือนจริงไปก่อน
ส่วนอีก 50 ล้านเลขหมายในระบบ IOS ให้ใช้วิธีส่ง SMS ไปพลางเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ กสทช.จะเป็นผู้เจรจาในเรื่องระบบดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการทำงานในห้วง 3 วันที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว นายกฯ อิ๊งค์ พยายามสปีดเต็มที่ ทั้งเข้าพื้นที่เกิดเหตุ เข้าศูนย์บัญชาการเพื่อติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง และเรียกถกด่วนต่างๆ แต่นั่นอาจยังไม่เพียงพอ ด้วยระบบจัดการของไทยผ่านหน่วยงานต่างๆ ยังไม่สามารถตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนได้ทันท่วงที
ซึ่งสเต็ปต่อไปจากนี้ ก็คงเป็นเรื่องของการวางระบบเตือนภัยประเทศสำหรับอนาคต การวางมาตรฐานการก่อสร้างอาคารที่ถึงแม้จะมีมาตรฐานรองรับสถานการณ์แผ่นดินไหวแล้ว แต่ก็ควรปรับหลักเกณฑ์ให้สูงขึ้นอีกหรือไม่ รวมถึงเรื่องการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ และยังต้องมองข้ามช็อตไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรรองรับนี้
ส่วนถ้าถามถึงภาวะผู้นำ ของ นายกฯ อิ๊งค์ ที่ต้องมาเจอเหตุแผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ตอนนี้ประชาชนยังอยู่ในอาการแพนิก (Panic) หรือภาวะตื่นตระหนก วิตกกังวล เรื่องความชัดเจนและความรวดเร็วในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ
จริงๆ แล้วเรื่องระบบเตือนภัยพิบัติ หรือแจ้งเตือน เคยมีการทำกันมาแล้ว อย่างล่าสุดเหตุการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่มที่ภาคเหนือเมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดถึงระบบแจ้งเตือนที่ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนตั้งรับทัน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนว่า ยังไม่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งจากนี้รัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์จะต้องทำการบ้านอีกหลายอย่าง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากประชาชนในประเทศ หรือแม้แต่ต่างประเทศ
รวมไปถึง ‘ภาวะผู้นำ’ ของ ‘แพทองธาร’ ที่หลายๆ เหตุการณ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่า ไม่มีความพร้อมสำหรับการนำพาประเทศในห้วงวิกฤต หรือเกิดเหตุการณ์สำคัญ!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’
พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง
พิสูจน์กึ๋น“แม่ทัพใหม่กกต.” คุมบังเหียน2ศึกใหญ่ปีหน้า
ในช่วงปลายปี 2568 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง กระแสการเมืองไทยกำลังร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเด็นการเตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และการออกเสียงประชามติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2569
แก้รธน.วาระ2เร่งสรุปเนื้อหา วัดใจวาระ3ก่อนกดปุ่มยุบสภา
ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพุธที่ 10 ธ.ค. และครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…พุทธศักราช...ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว วาระ 2
ข้ามเส้นแดง“เผด็จศึกฮุน เซน” “เจ็บต้องจบ”ก่อนถูกห้ามมวย
การปรากฏตัวของขุนพล “มือขวา” ของ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “กัมพูชา” กำลังขยับเข้าสู่ปฏิบัติการเอาพื้นที่คืนจากไทย ที่เราได้ยึดมาได้ใน “สงคราม 5 วัน” ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!
รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569
หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง
โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล

