จังหวะรุก‘ภูมิใจไทย’ 17ปี‘พรรคสีน้ำเงิน’

ในเวลานี้อาจกล่าวได้ว่า “พรรคภูมิใจไทย” พลังและอำนาจทางการเมือง สามารถขึ้นมาเบียดและถ่วงดุลกับแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2568 ภายในงานครบรอบวันเกิดพรรคภูมิใจไทย ย่างก้าวสู่ปีที่ 17 ถือโอกาสรีแบรนดิ้ง เปลี่ยนโลโก้ใหม่ จากเดิมที่มีสีแดง-สีน้ำเงิน เปลี่ยนเป็น “สีน้ำเงิน” ล้วนๆ

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพิธีเปลี่ยนโลโก้หน้าที่ทำการพรรค

“จากนี้ไปเมื่อกล่าวถึงพรรคสีน้ำเงิน ให้เป็นที่รับรู้ว่าคือพรรคภูมิใจไทย...ความเป็นพรรคสีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทยจะเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นหลักให้กับการเมืองไทย...สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ประเทศไทย และธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตลอดไป”

นับแต่ก้าวแรกของพรรคภูมิใจไทยก่อตั้งในปี 2551 สู่สมรภูมิเลือกตั้งปี 2554 ต้องต่อสู้กับข้อกล่าวหา “พรรคงูเห่า” และได้ สส. 34 ที่นั่ง ตกเป็นฝ่ายค้านอยู่ 2 ปี ก่อนปิดเทอมยาวในช่วงรัฐประหารจาก คสช. 

ต่อมาช่วงเลือกตั้ง 2562 พรรคภูมิใจไทยเข้าป้ายมาเป็นอันดับ 3 มีเพียง 51 เสียงในสภา ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หลังจากนั้น ด้วยการทำงานพื้นที่ระดับชาติ และงานการเมือง จนมีนักการเมืองหลั่งไหล โดยหลังเลือกตั้งปี 2566 มี สส.เข้ามา 71 คน

ได้กำกับกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง 4 เก้าอี้ รวมทั้งสิ้น 8 ตำแหน่ง สรุปว่าในการเลือกตั้งแต่ละครั้งพรรคสีน้ำเงินเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด

หันไปดูเครือข่ายสภาสูง มีการผูกโยงกับกลุ่ม สว.สีน้ำเงินที่มีอยู่ประมาณ 130-140-150 เสียง เมื่อนำมารวมกับจำนวน สส.สภาล่าง จึงมีฐานเสียงในรัฐสภามากถึง 200-220 เสียง จากทั้งหมด 700 เสียง เป็นดุลอำนาจที่ใหญ่ที่สุด

เหนืออื่นใด เมื่อพรรคภูมิใจไทยกำกับ กระทรวงมหาดไทย เท่ากับคุมกลไกการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาจหมายรวมถึงระดับท้องถิ่น 

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ยุคใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัด” แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ.ทั่วประเทศ” ที่เมืองบุรีรัมย์

ว่ากันว่า งานนี้เป็นการซื้อใจ “นายก อบจ.” ที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่าย “สีน้ำเงิน” ให้หันมามองว่า หากอยู่ในเครือข่ายสีน้ำเงินจะทำให้พวกเขาเหล่านี้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการพัฒนาเมืองและความมั่นคงของระบอบบ้านใหญ่   

ผ่านไอเดีย แก้กฎหมายปลดล็อกวาระการดำรงตำแหน่งของนายก อบจ.เพียง 2 วาระออกไป รวมถึงเสนอกฎหมายภาษีบ้านเกิดเมืองนอน ให้ประชาชนเลือกว่าสามารถจ่ายภาษีให้เม็ดเงินลงไปพัฒนาท้องถิ่นตามความต้องการ แทนที่จะกระจุกตัวอยู่ที่ผู้มีอำนาจส่วนกลาง 

กลับมาที่สถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เป็นจังหวะเดียวกับที่กระแสต้าน “กาสิโน” กระหึ่มทั้งแผ่นดิน จากกลุ่มพลังจารีต ชนชั้นนำ ฝ่ายอนุรักษนิยม ภาควิชาการ ประชาชน ดาหน้าออกมาคัดค้านทุกรูปแบบ

ดังนั้น การขยับของเครือข่ายสีน้ำเงิน ทั้งท่าทีของคนในพรรคภูมิใจไทย และ “สว.สีน้ำเงิน” ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 

จนเป็นเหตุให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี แถลงเลื่อนพิจารณาร่างกฎหมายร้อนดังกล่าวออกไป เพราะหากลุยไฟก็จะมีจุดจบไม่ต่างกับการดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

พร้อมด้วยท่าทีของ “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยและ สส.บุรีรัมย์ ลูกชายคนโตของ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่พรรค ประกาศกลางสภา ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน

หากมองให้ลึก เรื่องนี้อาจไม่ใช่การผิดคิว เพราะนอกจากช่วยเซฟรัฐบาลนี้ให้อยู่ครบวาระปี 2570 แล้ว เครือข่ายสีน้ำเงินยังชิงบทนำเป็นหัวขบวนฝ่ายอนุรักษนิยม ที่ขณะนี้ยังอ้างว้าง ขึ้นมาต่อสู้กับภัยคุกคามใหม่ เช่นเดียวกับถ่วงดุลค่ายสีแดงที่เสียงจากผู้กำกับ เริ่มหมดความอดทนแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลสั่งเบรก‘ทวี’ ‘ทักษิณ’กระอัก!

หากเปรียบเป็นสงครามตัวแทนระหว่าง สีแดง และ สีน้ำเงิน โดยมีคดีฮั้ว สว.เป็นเดิมพัน สถานการณ์ฝั่งพรรคภูมิใจไทยเหมือนจะเสียท่าพรรคเพื่อไทย เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเกมรุก ติดหมายเรียก 53 สว. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว.

อนาคตไม่ชัด-แนวทางไม่เวิร์ก สัญญาณถอยห่าง‘พปชร.’

เป็นการลาพรรคพลังประชารัฐเป็นครั้งที่ 2 สำหรับ อดีต 2 กุมาร ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อย่าง ‘อุตตม สาวนายน’ อดีต รมว.คลัง และ ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ อดีต รมว.พลังงาน

'บ้านใหญ่'ยึดเก้าอี้ท้องถิ่น 'พรรคส้ม'เขย่าฐานอำนาจ

การเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 สิ้นสุดลงด้วยภาพที่ไม่ต่างจากอดีต เพราะการเมือง “บ้านใหญ่” ยังคงครองอำนาจในสนามท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น

สว.สีน้ำเงิน รอซอยรางน้ำ ส่งสัญญาณ ยืนซดดีเอสไอ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

หลังผ่านพ้นวันหยุดยาวราชการ 4 วันติดต่อกัน 9-12 พ.ค. คาดว่าเมื่อเข้าสู่โหมดปกติ ในสัปดาห์นี้ คงได้เห็นแอ็กชันมันส์ๆ ของ สว.สีน้ำเงิน ที่คือกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ที่อยู่ใน 55 รายชื่อ สว.ที่ถูกคณะอนุกรรมการไต่สวนของ กกต.และดีเอสไอออกหมายเรียกให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ในสัปดาห์หน้าช่วง 19-21 พ.ค. ที่สำนักงาน กกต.

โฆษกภูมิใจไทย ปฏิเสธกระแสข่าว คว่ำ พ.ร.บ.งบประมาณ ระบุ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีเหตุที่จะไม่สนับสนุน กฎหมายที่สำคัญเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาประเทศ

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุบลราชธานี โฆฏิพรรคภูมิใจไทย ปฎิเสธถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 โดยระบุว่า พรรคภูมิใจไทย เห็นว่า พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาประเทศ และแก้ปัญหาประชาชน จึงขอปฎิเสธข่าวดังกล่าว อย่างสิ้นเชิง ว่าไม่เป็นความจริง