ถึงตอนนี้ การแสดงบทบาททางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร เห็นได้ชัดว่าต้องการสยายปีกไปถึงการสร้างพื้นที่การเมืองให้กับตัวเองในเวที
การเมืองระหว่างประเทศ
ไปแล้ว ไม่ใช่แค่การเมืองภายในประเทศ เพราะเรื่องเสียงวิจารณ์ ทักษิณคือ นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง ส่วนลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร เป็นแค่ นายกฯ หุ่นเชิด-หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแค่ในนาม ถึงตอนนี้ทั้งทักษิณและแพทองธารคงโนสนโนแคร์
ต่อให้ใครอยากไปร้อง กกต.ว่า ทักษิณครอบงำรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้สนใจ นับวันยิ่งเปิดตัวว่าเป็นนายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะถึงตอนนี้ หลายคนที่ไปร้อง กกต.ว่าทักษิณมีพฤติการณ์ครอบงำรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรทั้งสิ้นจาก กกต.
ทำให้ฝ่ายทักษิณย่อมได้ใจในการจะรุกคืบการเมือง จากหลังฉากออกมาสู่หน้าฉากมากขึ้น
และตอนนี้ก็ รุกกินแดน เข้าไปสู่การเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น โดยใช้เก้าอี้ ที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ตั้งให้มีตำแหน่งดังกล่าว ในการรุกสร้างพื้นที่การเมืองระหว่างประเทศให้กับตัวเอง
เห็นได้จากการที่เปิดโรงแรมโรสวูด ที่ลูกสาว พินทองทา ชินวัตร พี่สาวนายกฯ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ต้อนรับและพูดคุยกับนายกฯ มาเลเซีย และ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพเมียนมาและประธานสภาบริหารแห่งรัฐ หรือเอสเอซี (State Administration Council-SAC) เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา
หลังก่อนหน้านี้ ทักษิณเคยพบกับมิน อ่อง หล่าย อย่างไม่เป็นทางการตอนที่ผู้นำรัฐบาลทหารพม่ามาร่วมประชุมบิมสเทค (BIMSTEC) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจะคืนประชาธิปไตยและจัดให้มีการเลือกตั้งภายในปีนี้หรือไม่ หลังทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 ที่ถึงตอนนี้ผ่านไป 4 ปีแล้ว ทำให้บทบาทของผู้นำประเทศในกลุ่มอาเซียนจึงถูกจับตามองว่าจะมีบทบาทเชิงรุกในเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะในยุคที่อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เข้ามาเป็นประธานอาเซียนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยมีทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน
ที่พบว่าหลายฝ่ายเริ่มจับตาบทบาทของประธานอาเซียนและทักษิณมากขึ้น หลังเห็นภาพทักษิณเปิดโรงแรมโรสวูด ใจกลางกรุงเทพฯ พูดคุยกับทั้งนายกฯ มาเลเซียและผู้นำรัฐบาลทหารพม่า
ต่อมา นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย-ประธานอาเซียน ก็ออกมาเปิดเผยผลการหารือดังกล่าวผ่านการโพสต์ภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊กว่า
“เมื่อวาน (17 เม.ย. ) ตอนเย็นที่กรุงเทพฯ ได้ประชุมกับกลุ่มที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธาน ซึ่งการหารืออย่างกว้างขวางทำให้เรามีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการเสนอแนวคิดเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมา ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างยั่งยืนให้กับประชาชนของประเทศ
และเช้านี้ (18 เม.ย.) ได้ประชุมทางไกลกับอูมาน วิน ไข รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG) เป็นเวลา 40 นาที การหารือของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการด้านมนุษยธรรมเร่งด่วนของประชาชนเมียนมา และความสำคัญของการรับประกันว่าความช่วยเหลือจะไปถึงผู้ที่ต้องการมากที่สุด นอกจากนี้ เรายังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของการเจรจาอย่างต่อเนื่อง การสนทนาเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ การสร้างความไว้วางใจยังคงมีความสำคัญ และเป็นสิ่งสำคัญที่อาเซียนจะต้องดำเนินการต่อไป จะยังคงร่วมมือกับทุกฝ่ายในการสนับสนุนสันติภาพ ความปรองดอง และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวเมียนมา” ประธานอาเซียนระบุ
ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเมืองในเมียนมา หลังประธานอาเซียนได้คุยอย่างจริงจังกับทั้งผู้นำเบอร์หนึ่งของรัฐบาลทหารเมียนมา และผู้นำรัฐบาลพลัดถิ่น-รัฐบาลคู่ขนานเมียนมา NUG (National Unity Government) ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านรัฐประหาร-ไม่ยอมรับรัฐบาลทหารเมียนมา
หลังจากนี้รอดูว่า สุดท้าย สันติภาพและประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นในเมียนมา โดยเฉพาะการเลือกตั้งภายในปีนี้หรือไม่ หากสถานการณ์ดีขึ้นก็ต้องยกเครดิตให้กับประธานอาเซียน อันวาร์ อิบราฮิม และแน่นอนว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ตลอดจนคนในรัฐบาลและในพรรคเพื่อไทย ไม่พลาดแน่นอนที่จะต้องเคลมทางการเมือง ว่าเรื่องนี้ตัวทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่อยู่ทั้งหลังฉากและหน้าฉากในการทำให้สถานการณ์ประชาธิปไตยในเมียนมาดีขึ้น เชื่อเถอะว่า ตามอุปนิสัยทางการเมือง ทักษิณไม่พลาดแน่นอนที่จะต้องออกมายกเครดิตให้กับตัวเอง
ถึงได้ย้ำตั้งแต่ตอนต้นว่า เวลานี้ทักษิณไม่ได้มองแค่ในประเทศ แต่มองไปถึงการหวังสร้างพื้นที่การเมืองระหว่างประเทศ เพราะอาจหวังว่าถ้าทำสำเร็จ จะทำให้ทักษิณอยู่ในสปอตไลต์การเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น จนอาจสามารถนำไปต่อยอดทางการเมืองและธุรกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศให้กับตระกูลชินวัตรตามมาได้
วิเคราะห์ไว้แบบนี้ว่า หลังจากนี้ ทักษิณ นอกจากไม่ลดบทบาทการเมืองตัวเองแล้ว มีแต่จะเพิ่มบทบาทการเมืองของตัวเองในรัฐบาลและในพรรคเพื่อไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนเรื่อง ชนักติดหลัง ของทักษิณที่มีอยู่ในองค์กรอิสระและศาลยุติธรรม
ข่าวบางกระแสจากคนในเพื่อไทยบอกว่า ทักษิณมั่นใจว่าไม่มีปัญหา ผ่านสบาย เพราะเชื่อมั่นใน "สัญญาณพิเศษ" บางอย่างที่ได้มาตอนปลายปี 2567 ว่าจะยังคงแบ็กอัปลูกสาว แพทองธาร ให้เป็นผู้นำรัฐบาลจนครบเทอม และจะช่วยปลดล็อกชนักติดหลังที่มีอยู่ให้
ซึ่งหากดูชนักติดหลังของทักษิณเวลานี้ พบว่าหลักๆ ที่มีอยู่ก็เช่น การตกเป็นจำเลยคดี 112 ที่ศาลอาญา กรณีถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องผิดมาตรา 112 ที่ไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในช่วงหลบหนีคดีอยู่ที่เกาหลีใต้
ซึ่งศาลอาญาจะเริ่มการพิจารณาคดีในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ โดยมีการนัดสืบพยาน 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์ (อัยการ) นัดในวันที่ 1, 2 และ 3 ก.ค.2568 และนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะเริ่มในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 ก.ค.2568 หลังจากนั้นจะจัดทำคำพิพากษาของศาล ที่ก็มีการประเมินคาดการณ์ว่าน่าจะมีการนัดอ่านคำตัดสินในช่วงปี 2569
ที่ผ่านมา ทักษิณบอกมาตลอดว่าไม่ได้หนักใจในคดีนี้ ผนวกกับโดยข้อเท็จจริง ตอนนี้ยังเป็นแค่ศาลชั้นต้น หากสุดท้ายผลคำตัดสินออกมาอย่างไร ฝ่ายโจทก์คืออัยการ หรือจำเลยคือทักษิณ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ก็ยังสามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ กินเวลาอีกหลายปีกว่าคดีจะจบ ทำให้เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเป็นข้อกังวลของทักษิณไม่มากก็น้อย
รวมถึงก็ยังมี การไต่สวน-สอบสวน เรื่อง การพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่เรียกกันว่า "นักโทษเทวดา” ที่ตอนนี้มีสององค์กรหลักภาครัฐกำลังพิจารณาอยู่
องค์กรแรกก็คือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีการตั้ง ป.ป.ช.ทั้งหมดเป็นอนุกรรมการไต่สวนคำร้องคดีนี้ โดยมีข่าวว่า แม้จะถูกมองว่า ป.ป.ช.ทำงานล่าช้า แต่ก็มีความคืบหน้าในทางลึกพอสมควร ที่อาจไม่เป็นผลดีกับทักษิณมากนัก หาก ป.ป.ช.มีการชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในคดีนี้ ที่มีสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 12 คน ว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อช่วยเหลือทักษิณไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ เพราะหากผลออกมาแบบนี้อาจเกิด
โดมิโนทางคดีและข้อกฎหมายตามมา
กับทักษิณในทางใดทางหนึ่งก็ได้
ส่วนอีกองค์กรหนึ่งก็คือ แพทยสภา ที่มีการตั้งอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ตรวจรักษาทักษิณ ทั้ง รพ.ตำรวจและ รพ.ราชทัณฑ์ ที่มี นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ซึ่งหลังมีการขยายเวลาในการสอบสวนออกไป 30 วัน เพราะมีการส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมจาก รพ.ตำรวจและ รพ.ราชทัณฑ์ จนทำให้จากเดิมจะสรุปผลสอบสวนเพื่อนำเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภา วันที่ 10 เม.ย. ต้องเลื่อนออกไป
โดยแพทยสภานัดประชุมประจำเดือน พ.ค. ในวันพฤหัสบดีที่ 8 พ.ค.นี้ ต้องดูว่าอนุกรรมการฯ จะเลื่อนการสรุปผลสอบสวนและการทำความเห็นในเรื่องนี้เสนอต่อแพทยสภาออกไปอีกหรือไม่ ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า การเมืองกำลังเข้าแทรกแซงแพทยสภาใช่หรือไม่?
ทั้งสามกรณีคือการเป็นจำเลยคดี 112-ป.ป.ช.ไต่สวนคดีชั้น 14 และการสอบสวนของแพทยสภา จึงเป็นชนักติดหลังทางการเมืองและคดีความ ที่สร้างความกังวลใจให้กับทักษิณ แม้ต่อให้ภายนอกทำกลบเกลื่อน ไม่แคร์ก็ตาม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แก้รธน.วาระ2เร่งสรุปเนื้อหา วัดใจวาระ3ก่อนกดปุ่มยุบสภา
ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพุธที่ 10 ธ.ค. และครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…พุทธศักราช...ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว วาระ 2
ข้ามเส้นแดง“เผด็จศึกฮุน เซน” “เจ็บต้องจบ”ก่อนถูกห้ามมวย
การปรากฏตัวของขุนพล “มือขวา” ของ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “กัมพูชา” กำลังขยับเข้าสู่ปฏิบัติการเอาพื้นที่คืนจากไทย ที่เราได้ยึดมาได้ใน “สงคราม 5 วัน” ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!
รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569
หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง
โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ

