ยิ่งลักษณ์ดิ้นสู้ต่อ ‘ทักษิณ’โคม่าเสี่ยงสูง ต้องลุ้นหนัก13มิ.ย.

การที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงินหมื่นล้านบาท คงยิ่งทำให้ทักษิณคิดหนักสำหรับคดีของตัวเองที่ศาลฎีกานัดไต่สวนข้อเท็จจริงปมชั้น 14 ในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. เพราะสัญญาณหลายอย่างดูไม่ค่อยดีกับทักษิณ!

หลังจากนี้ต้องรอดูกันว่า เมื่อทีมทนายความยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ในเรื่องการจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว หลังเมื่อ 22 พ.ค. ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ยิ่งลักษณ์จ่ายเงิน 10,028 ล้านบาท แต่ทีมทนายความยิ่งลักษณ์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ต้องทำให้ลูกความพอใจให้มากที่สุด เลยจะใช้วิธีขอให้ศาลปกครองพิจารณาว่า ในยุครัฐบาลเพื่อไทยปัจจุบันที่มีการนำข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เปิดโกดังขายในยุคภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.พาณิชย์ ซึ่งได้เงินมาหลักแสนล้านบาท

ทางทีมทนายความยิ่งลักษณ์จึงจะใช้ประเด็นนี้มาเป็นข้อต่อสู้ในการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้รับคำร้องไว้พิจารณาว่าควรที่รัฐต้องนำเงินดังกล่าวมาหักจากเงินที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ยิ่งลักษณ์จ่าย

ที่ก็คือหากยิ่งลักษณ์ชนะคดีในคดีใหม่นี้ ก็จะทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินให้กับรัฐแม้แต่บาทเดียว ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี อายัดทรัพย์-ยึดทรัพย์ และหากเงิน-สินทรัพย์ไม่พอ ก็ไม่ต้องเสี่ยงโดนฟ้องเป็น “บุคคลล้มละลาย”  

 โดยทีมทนายความยิ่งลักษณ์บอกว่าจะเร่งร่างคำร้องดังกล่าวเพื่อยื่นต่อศาลปกครองกลางต่อไป ที่มีเส้นตายคือภายในไม่เกิน 90 วันหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงินเมื่อ 22 พ.ค.

จุดแรกต้องดูว่าหากยื่นคำร้องไปแล้ว ศาลปกครองกลางจะรับคำร้องไว้พิจารณาคดีหรือไม่?

โดยศาลปกครองกลางต้องมาดูว่าคำร้องดังกล่าวเข้าองค์ประกอบตาม มาตรา 75 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ที่เป็นบัญญัติในเรื่อง

การขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ ที่มีรายละเอียดคือ

“มาตรา 75 ในกรณีที่ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองเสร็จเด็ดขาดแล้ว คู่กรณีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนั้น อาจมีคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) ศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ

(2) คู่กรณีที่แท้จริงหรือบุคคลภายนอกนั้นมิได้เข้ามาในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี หรือได้เข้ามาแล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วมในการดำเนินกระบวนพิจารณา

(3) มีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม

(4) คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ทำขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น

การยื่นคำขอตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกไม่ทราบถึงเหตุนั้นในการพิจารณาคดีครั้งที่แล้วมา โดยมิใช่ความผิดของผู้นั้น การยื่นคำขอให้พิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งใหม่ต้องกระทำภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้นั้นได้รู้หรือควรรู้ถึงเหตุ ซึ่งอาจขอให้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ได้ แต่ไม่เกินห้าปีนับแต่ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาด”

พบว่า ข้อต่อสู้ของทีมทนายความยิ่งลักษณ์อ้างว่าเคยพยายามนำเสนอข้อมูล-พยานหลักฐาน ว่ารัฐบาลเพื่อไทยชุดปัจจุบันได้มีการนำข้าวในโครงการจำนำข้าวที่อยู่ในสต๊อกมาออกขาย และขายจนได้เงินจำนวนมาก โดยมีการนำเสนอต่อศาลปกครองฯ แต่ศาลปกครองสูงสุดไม่รับเข้ามาอยู่ในสำนวนการไต่สวนในชั้นศาลปกครองสูงสุด ด้วยเหตุผลว่าเลยกำหนดเวลาในการส่งเอกสารให้ศาลปกครองฯ

ทำให้ทีมทนายความจะใช้ข้อต่อสู้ มีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ เพื่อขอให้ศาลปกครองฯ รับเรื่องไว้แล้วพิจารณาคดีกันใหม่ จะได้นำเสนอข้อมูล-ตัวเลขการนำข้าวไปขายได้เงินเป็นแสนล้านบาทมาเสนอต่อศาลปกครองฯ บนเป้าหมายคือ ทำให้ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เรื่องนี้มีได้สองทาง

หนึ่ง ศาลปกครองกลางอาจจะรับคำร้องไว้แล้วให้มีการพิจารณากันใหม่ตามที่ยื่นมา

สอง อาจไม่รับคำร้องเพราะเห็นว่าประเด็นที่ยื่นไปไม่เข้าองค์ประกอบตามมาตรา 75 ที่จะทำให้การนำเรื่องนี้มาพิจารณาใหม่อีกครั้งก็อาจออกมาแนวนี้ได้เช่นกัน

มุมวิเคราะห์ของ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ให้มุมมองทางกฎหมายภายหลังทนายความยิ่งลักษณ์ รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย เตรียมฟ้องคดีใหม่ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องจ่ายเงินหมื่นล้านบาท

โดย ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่กระทรวงการคลังสั่งให้จ่าย และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งแก้ให้จ่าย 10,028 ล้านบาทนั้น ตรงนี้ไม่อาจนำข้อเท็จจริงมารื้อร้องฟ้องใหม่ได้ เพราะไม่ใช่การขอให้พิจารณาคดีใหม่ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 75 เพราะการพิจารณาคดีใหม่ไม่ใช่การอุทธรณ์ซ้ำ หรือการฟ้องซ้ำในประเด็นเดิม แต่เป็นการร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ในกรณีที่มีเหตุพิเศษที่กฎหมายกำหนด

..คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ถือเป็นคำฟ้อง จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้น แม้ว่าจะมีเหตุแห่งการขอพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลจะพิจารณาจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ หากศาลเห็นว่าการวินิจฉัยเดิมถูกต้องและสมบูรณ์แล้ว หรือเหตุที่ยกมาไม่เป็นสาระสำคัญที่จะทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลอาจมีคำสั่งไม่รับคำขอไว้พิจารณาได้ และการมีกลไกการพิจารณาคดีใหม่ในคดีปกครอง ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมและสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ปรากฏขึ้นภายหลัง หรือมีเหตุอันมิอาจก้าวล่วงได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคำพิพากษาหรือคำสั่งเดิม ทำให้กระบวนการยุติธรรมทางปกครองมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ส่วนประเด็นจะนำหลักฐานเรื่องยอดการขายข้าวค้างในคลังที่ได้นับแสนล้านบาท ไปฟ้องแล้วนำยอดเงินมาใช้ในหักกลบลบหนี้ เพื่อมิให้นางสาวยิ่งลักษณ์จ่าย มาพิจารณา แยกได้ 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง หากทนายผู้ร้องของนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ยื่นข้อเท็จจริงนี้ไปในคดีดังกล่าวแล้ว แต่ศาลไม่รับ โดยวินิจฉัยยกคำร้องระบุว่าเลยขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริง ทำให้ข้อเท็จจริงไม่เข้าสู่สำนวนเดิม อาจนำไปสู่การฟ้องในข้อเท็จใหม่ มิใช่ในเรื่องเดิมได้ ส่วนที่สอง ต้องพิจารณาดูว่ายอดการขายข้าวค้างโกดังที่ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์อ้างว่าจะเป็นหลักฐานใหม่นั้น เป็นพยานหลักฐานใหม่หรือไม่ ที่สามารถนำมาขอรื้อฟื้นคดีได้ตามกฎหมาย เพราะเป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีเดิมอยู่แล้ว และศาลได้พิจารณาไปครบถ้วนแล้วในกระบวนการพิจารณาคดีที่ผ่านมา

“ดังนั้น แม้ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์จะมีความประสงค์ที่จะยื่นหลักฐานเพื่อขอเปิดคดีใหม่ แต่ตามหลักกฎหมายและเงื่อนไขการรื้อฟื้นคดีในศาลปกครองนั้นทำได้ยากมาก โดยเฉพาะเมื่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุดแล้ว และประเด็นที่อ้างว่าเป็น ‘พยานหลักฐานใหม่’ อาจไม่เข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เคยอยู่ในสำนวนคดีเดิมแล้ว

ดังนั้น โอกาสที่จะสามารถฟ้องใหม่หรือรื้อฟื้นคดีจำนำข้าวได้สำเร็จนั้นค่อนข้างจำกัด เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่ที่ชัดเจนและสำคัญอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในกระบวนการพิจารณาคดี และเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายระบุไว้ทุกประการ”

ขณะที่มุมวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเดินทางกลับประเทศไทยของยิ่งลักษณ์ นักโทษหนีคดีตามหมายจับของศาลฎีกาฯ ที่ถูกตัดสินจำคุกห้าปีในคดีจำนำข้าว ดูแล้วยังไงปีนี้คงยากที่ยิ่งลักษณ์จะกลับมาได้ และเผลอๆ หากแพทองธาร ชินวัตร ยังเป็นนายกฯ ต่อไปเรื่อยๆ ในช่วงสองปีต่อจากนี้ หากไม่ยุบสภาเสียก่อน “ทักษิณ ชินวัตร” ก็คงไม่ยอมเสี่ยงพายิ่งลักษณ์กลับมาโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวตามรอยเท้าตัวเอง เพราะลำพังแค่ปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทักษิณยังบักโกรก เอาตัวไม่รอด หากยิ่งลักษณ์เดินตาม อาจทำให้รัฐบาลลูกสาวพังต่อหน้าต่อตา แผนพายิ่งลักษณ์กลับมาจึงต้องเบรกไว้ก่อนเพื่อเคลียร์ทางให้เรียบร้อยกว่านี้

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าการที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงินหมื่นล้านบาท คงยิ่งทำให้ทักษิณคิดหนักสำหรับคดีตัวเองที่ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนข้อเท็จจริงปมชั้น 14 ในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. เพราะสัญญาณหลายอย่างดูไม่ค่อยดีกับทักษิณ!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

มีคำตอบ! รัฐบาลอนุทินมี ‘ศุภจี‘ เป็นจุดเด่น ทำไมปล่อยให้มี ’ธรรมนัส’ เป็นจุดอ่อน

คุณศุภจีคือตัวแทนของ "ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ" ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ดึงดูดชนชั้นกลางและคนเมือง และเป็นเกราะป้องกันทางการเมือง เมื่อฝ่า

ขนลุก! กูรูใหญ่ สาปแช่งพรรคเพื่อไทย หลังข่าวซูเอี๋ยพรรคส้ม

ความคิดที่เพื่อไทยและประชาชนจะจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแล้วเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือท่าดีทีล้มละลายทางการเมือง

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก