อย่าวางใจกลเกมการเมือง รับมือ“โต๊ะเจรจา-แนวปะทะ”

มาตรการกดดันทางด้านเศรษฐกิจชายแดนของกองทัพบกไทย ที่ให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว ออกคำสั่งควบคุมการเปิดปิดด่าน

โดยเฉพาะการห้ามนักพนันและนักท่องเที่ยวข้ามไปฝั่ง “ปอยเปต” ซึ่งเป็นแหล่งขุมทรัพย์กาสิโนของชนชั้นนำในรัฐบาลกัมพูชา เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง กระเป๋าเงิน “ระบอบฮุน ทำให้สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯ ของกัมพูชาออกอาการทันที

 ตามมาด้วยการสื่อสารจากกองทัพภาคที่ 2 ในการเตรียมมาตรการ บีบให้กัมพูชาถอนกำลังออกจากแนวต้นพญาสัตบรรณ ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และชายแดนตลอดแนว ด้วยการเตรียมใช้มาตรการตัดกระแสไฟฟ้า 9 จุด โดยส่วนใหญ่ผู้ซื้อไฟฟ้าจากไทยเป็นสำนักงานอุตสาหกรรมแร่และพลังงานของกัมพูชา พื้นที่ผลิตท่อน้ำเลี้ยงด้วยเงินเทาย่อมได้รับผลกระทบไปเต็มๆ

ยังไม่นับ ศอ.ปชด.ในฟากของกองทัพไทย ใช้อำนาจเฉพาะกิจในการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน ในการประสานหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ จ่อเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ปิดสวิตช์ ปิดท่อส่งกำลังบำรุงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ค้ามนุษย์ สำทับให้แนวทางกดดันของ ทบ.หนักแน่นขึ้นไปอีก

มาตรการบีบทาง “เศรษฐกิจ” ชายแดนที่พุ่งเป้าไปที่ท่อน้ำเลี้ยง ระบอบฮุน” ได้ผล เมื่อ พล..สรัย ดึ๊ก รอง ผบ.ทบ.และ ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 อดีต ผบ.ภูมิภาคที่ 5 ในช่วงศึกเขาพระวิหาร และเป็นสายตรงคนของ ฮุน เซน” ประสานไปที่ พล..สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อขอเจรจาและร่วมเข้าไปสำรวจจุดปะทะ

ทาง พล.ต.สมภพได้แจ้งแม่ทัพภาคที่ 2 และประสานมาที่กองทัพบก โดย พล..พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ผู้ช่วยทูตทหารประจำกรุงพนมเปญ เช็กข่าวไปที่กองทัพบกกัมพูชา ได้รับการยืนยันว่า “เป็นคำสั่งจริง” จึงสั่งให้กองทัพภาค 2 ดำเนินการพูดคุยเจรจาที่ศูนย์ประสานงานจุดผ่อนปรนช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยมี พล..ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมหารือ และเข้าพื้นที่แนวต้นพญาสัตบรรณ “กลบคูเลตให้อยู่ในสภาพเดิม แล้วถอยกำลังลงไปจุดเดิมเมื่อปี 2567 หลังแนวเนิน 745 

ระหว่างนี้กองทัพภาคที่ 2 ยังคงเจรจาให้กัมพูชาขยับแนวกำลังทหารร่วมหมื่นนาย และยุทโธปกรณ์ที่เสริมเข้ามาหลังเหตุปะทะที่เกิดขึ้น โดยยืนระยะมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดด่าน และการจ่อตัดไฟฟ้าเอาไว้ เพื่อใช้เจรจาต่อรอง เพราะหากกำลังทหารยังเผชิญหน้ากันอยู่เช่นนี้ ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ และอาจทำให้บรรยากาศในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ที่จะหารือกันในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่กรุงพนมเปญไม่ราบรื่น

ประเด็นสำคัญคือ การหาข้อยุติต่อแนวทางการสำรวจพื้นที่ร่วมกัน และปักปันเขตแดนบริเวณช่องบกให้แล้วเสร็จ โดยไทยจะไม่พูดคุยเรื่อง 3 ปราสาทที่กัมพูชาที่ต้องการ และต้องระมัดระวังในการแสดงท่าทีต่อประเด็นอื่นที่กัมพูชาพยายามหยิบยกขึ้นมาเพื่อเอาไปใช้อ้างในเวทีนานาชาติ เช่นที่เกิดขึ้นในกรณีเขาพระวิหาร 

โดยการประชุมครั้งนี้ยังมี ท่านทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยที่มีความรู้ด้านการปักปันเขตแดนเป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการ ในส่วนทหารที่อยู่ในคณะกรรมาธิการ ได้แก่ เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เจ้ากรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ ผู้แทนกองทัพบก หรือจะเป็นการส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมก็ได้ โดยในรอบนี้มีการตั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นที่ปรึกษาเจบีซีด้วย 

ท่ามกลางท่าทีของกลาโหมกัมพูชาที่แข็งกร้าวในการออกแถลงการณ์ 4 ข้อ คือยืนยันไม่ถอนกำลังจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตยที่กองทัพยึดครองมานาน, เป็นการวางกำลังในพื้นที่อธิปไตยป้องกันการรุกราน, ยึดสันติ ร่วมคุย JBC ไทย-กัมพูชา 14 มิ.ย.นี้, วัดเขตแดน-ปักปันเขตแดน ยกเว้น 4 พื้นที่ ซึ่งรวมถึงช่องบกที่จะส่งศาลโลก 

พร้อมกับมีกระแสข่าวว่า กองทัพกัมพูชาเตรียมสร้างอนุสาวรีย์ให้ทหารที่เสียชีวิตจากการปะทะที่แนวต้นสัตยาบรรณ สร้างกระแส “ทหารนิยม”  

ขณะที่ฝ่ายการเมืองของไทย ออกมาแสดงตนว่า สถานการณ์ที่คลี่คลายลงได้นั้น เป็นเพราะระดับรัฐบาลของ 2 ชาติที่มีความสัมพันธ์อันดี มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง

แต่ดูเหมือนว่ากระแสสังคม ไม่เชื่อ และ ไม่ไว้ใจ เพราะปักใจในทฤษฎีสมคบคิด มองว่ามีคนต้องการใช้เหตุการณ์ชายแดนเป็นเครื่องมือในการเบี่ยงเบนประเด็นในคดีชั้น 14 ที่เกิดขึ้น โดยมีคนนอกประเทศที่เป็นมิตรรู้เห็นเป็นใจจุดประเด็นขึ้นมา สอดรับกับกระแสการ หนีคุก รอบ 2

ในทางตรงกันข้าม สังคมกลับชื่นชมท่าทีของทหาร ที่ไม่ต้อง ฮึ่ม-ทุบโต๊ะ-กระหายสงคราม แต่ปฏิบัติการตัดท่อน้ำเลี้ยง โดยขั้นตอน กลไก ตามกฎหมาย พร้อมที่จะยืนยันข้อมูล หลักฐาน ให้กับรัฐบาลได้รับทราบในความเป็นจริง ไม่ต้องกลัวกระทบกระเทือนเก้าอี้ หรือตำแหน่งหน้าที่ตัวเอง

อย่างไรก็ตาม จนกว่าจะถึงวันที่ 14 มิ.ย.ที่จะมีการประชุม เจบีซี จึงเหมือนเป็นการพักยกศึกช่องบกแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะยังไม่สามารถไว้วางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะมีเหตุการณ์แทรกซ้อนหรือไม่ เพราะ 2 ฝ่ายยังตรึงกำลังเผชิญหน้ากันตลอดแนว

และเมื่อบทเรียนในอดีตสอนให้ไทยได้รู้จักธรรมชาติการเมืองกัมพูชา เป้าหมายในเรื่องดินแดน และผลประโยชน์ด้านพลังงานมากขึ้น จึงต้องเฝ้าระวังกลเกมของเขาว่าจะใช้วิธีใดยกระดับไปสู่เวทีนานาชาติ หรือศาลโลกอย่างไร

ส่งผลให้เกมต่อรองของไทยทั้งบนโต๊ะเจรจา และแนวปะทะตามแนวชายแดน ต้องเดินอย่างระมัดระวัง และเตรียมแผนรองรับอย่างรัดกุม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก