พล.อ.ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พร้อมภาพที่ตนเองใส่เครื่องแบบชุดลายพรางสนาม นั่งแถลงข่าว เล่าถึงภารกิจของตนเองที่เดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมทหารในพื้นที่ ณ จุดปะทะใกล้แนวต้นพญาสัตบรรณ พื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี พร้อมเปิดประเด็นเรื่องการนำประเด็น 3 ปราสาท 1 พื้นที่ช่องบกยื่นต่อศาลโลกให้ชี้ขาด
ก่อน 2 พ่อลูก “ตระกูลฮุน” นำโดย สมเด็จฮุน เซน จะออกมาช่วยกันโพสต์ข้อความสื่อสารกับสังคม ตีปี๊บภารกิจรักษาอธิปไตยของชาติ และการยื่นเรื่องให้ศาลโลกชี้ขาด ก่อนเข้าสู่การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ที่พนมเปญ
รวมถึงการเปิดเกมชิงจังหวะของฝ่ายกัมพูชา เปิดข้อตกลงของเจบีซี 4 ข้อ หลังการประชุมทันที ภาพรวมคือ การเดินหน้าในการสำรวจ และการจัดแผนที่ที่เห็นตรงกัน ของคณะอนุกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Technical Sub-Committee (JTSC) แต่ก็พ่วงด้วยการถกเถียงระหว่าง 2 ฝ่ายในการประชุมวงเล็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่กัมพูชายืนยันฝ่ายเดียว แต่กลับนำมาแปะในข้อตกลงร่วม กระพือข่าวเรื่องการที่ไทยยอมรับแผนที่ 1:200,000
ขณะที่ฝ่ายไทยต้องแก้เกมด้วยโพสต์ผ่านเพจกระทรวงการต่างประเทศในช่วงกลางดึก แสดงความผิดหวังกัมพูชาไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดร่วมกัน แต่นำประเด็น 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก
จากคำแถลงของ นายเบญจมินทร์ สุกาญจน์นัทที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ยืนยันว่า ไม่เห็นคำฟ้องของฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นต่อศาลโลกในการให้พิจารณากรณี 3 ปราสาท 1 พื้นที่อย่างไร และไม่ทราบว่าคำฟ้องนั้นอาศัยกรอบกฎหมาย หรือสนธิสัญญาอะไร
แต่เมื่อเทียบจากกรณีของเขาพระวิหารที่ขึ้นศาลโลกในปี 2554 ศาลโลกไม่รับพิจารณาข้อเรียกร้องของกัมพูชาเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และไม่ได้ตัดสินว่าแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ผูกพันไทย และขอให้ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นคู่ความเจรจาเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดนต่อไป และศาลโลกมีคำสั่งมาตรการชั่วคราว โดยให้ไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจากเขตปลอดทหารชั่วคราว PDZ ที่ศาลกำหนด และงดเว้นการดำเนินกิจกรรมที่ใช้อาวุธไปยังพื้นที่
ก็ประเมินได้ว่า กรณีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนก็ต้องกลับมาสู่โต๊ะเจรจา และกลไกระดับทวิภาคี เพราะศาลโลกไม่ได้ชี้ขาดเรื่องเขตแดนแต่อย่างไร แต่เฉพาะหน้าคือ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจะนำไปสู่การถอนทหารแบบไม่มีใครเสียหน้า
แต่ถ้าหากไม่ได้เป็นไปตามนั้น ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องวางมาตรการรับมือไว้หลายแนวทาง โดยใช้ทุกกลไก และเครื่องมือกดดันกลับไป เพื่อให้การเจรจาต่อรองให้ไทยไม่เสียเปรียบ ซึ่งกว่าจะได้ข้อยุติก็ต้องใช้เวลาหลายปี ท่ามกลางกลุ่มมวลชนที่เกาะติดสถานการณ์คอยเป็นหูเป็นตาตรวจสอบอยู่แล้ว
เมื่อหันกลับมาดูกระแสนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ผู้นำของไทยในสถานการณ์ชายแดนถือว่า “ตกต่ำ” สุดขีด เพราะการแสดงออกในเรื่องดังกล่าวขาดซึ่งองค์ความรู้ และวุฒิภาวะ ท่ามกลางศึก “สีแดง-สีน้ำเงิน” ที่กำลังดุเดือด โดยมี “กระแสสีเขียว” กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ดึงความสนใจของนายกฯ ออกจากเรื่องชายแดน
นอกจากกระแสสังคมแล้ว “แพทองธาร” ยังต้องเจอกับตัวแปรเพิ่มเติมตามสถานการณ์ จนต้องก้าวออกมาแสดงบทบาทผู้นำของประเทศไทยด้วยการตอบโต้กัมพูชาที่ไม่ทำตามที่พูด “หลังไมค์” สวมบทบาทคนไทยหัวใจรักชาติ ในช่วงกระแสนิยมรัฐบาลดำดิ่ง
เมื่อเรียงลำดับสถานการณ์หลังประชุมเจบีซี ที่การสื่อสารกับสังคมล่าช้าแล้ว วันรุ่งขึ้น กระทรวงการต่างประเทศ โดย ท่านทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานเจบีซี แถลงอย่างเป็นทางการ
เป็นช่วงเดียวกับที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ลงพื้นที่ชายแดนช่องบก ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อัญเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนกองกำลังสุรนารี กองทัพภาค 2 พร้อมพระราชทานขวัญและกำลังใจ น้อมนำพระราชกระแสห่วงใยและกำลังใจ มายังประชาชนหมู่บ้านชายแดน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหารในการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน โดยปรากฏภาพ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ร่วมให้การต้อนรับ
“แพทองธาร” จึงต้องเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นการเฉพาะ ที่บ้านพิษณุโลก เพื่อคุยเรื่องที่เป็นประเด็นจริงๆ มี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. และผู้แทนปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก มาประชุมร่วมกับทีมกลาโหม นำโดย ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม
ก่อนจะถือ “ไอแพด” แถลงแสดงท่าทีแข็งกร้าว โดยมี “ขุนทหาร” ยืนเป็นแบล็กกราวด์ด้านหลัง ยืนยันถึงความเป็นเอกภาพ ไม่ได้มีปัญหากับกองทัพในสถานการณ์ชายแดน พร้อมตั้งให้ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล คณะกรรมการเฉพาะกิจมอนิเตอร์สถานการณ์ เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง ชัดเจน
ส่วนมาตรการกดดันเรื่องเปิด-ปิดด่าน ที่กองทัพได้เดินหน้าก็ยังยืนระยะต่อไป เพื่อกดดันให้ฝั่งกัมพูชาถอนกำลังทหารที่เติมเข้ามานับแสนนาย และยุทโธปกรณ์หนักกลับไป ส่วนกัมพูชาจะดำเนินการปิดด่านได้อย่างที่ประกาศกร้าวหรือไม่นั้น ต้องรอดู เพราะช่วงนี้เป็นเกมชิงไหว-ชิงพริบระหว่างกันว่าใครจะ “อึด” กว่ากัน จนกว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการระดับภูมิภาค หรืออาร์บีซี ในวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการพูดคุยในระดับกองทัพภาคสองฝ่ายกันอย่างแท้จริง
หากไม่มีอุบัติเหตุอะไร ก็เชื่อว่าทุกอย่างจะกลับไปเหมือนช่วงหลังศึกเขาพระวิหาร และใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหากันเหมือนเดิม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

