ปฏิบัติการยึดพื้นที่คืน ลาก“กัมพูชา”สู่โต๊ะเจรจา

การวางแผนปฏิบัติการทางทหารของกองทัพ หลังจากที่กัมพูชานำกำลังเข้าประชิดชายแดนนับหมื่นนายช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยความหวังว่ารัฐบาลมีสายสัมพันธ์ที่ดีจะเจรจาให้ฝ่ายกัมพูชาถอนทหารออกไป เพื่อลดการเผชิญหน้า แต่เมื่อไม่เป็นผล กัมพูชาเดินหน้าฟ้องศาลโลก 3 ปราสาท 1 พื้นที่ รุกคืบขุดคูเลตเข้ามาในพื้นที่อธิปไตย 150 เมตร เมื่อมีการเจรจาฝังกลบ ก็มีการเปิดศึกในสื่อสังคมออนไลน์ และไม่ยอมถอนทหารที่เข้ามาประชิดชายแดน กองทัพเสนอมาตรการกดดันด้วยการควบคุมเวลาเปิด-ปิดด่าน กลายเป็นความไม่พอใจระหว่างผู้นำ จนเกิดการปล่อยคลิปสนทนาแฉเบื้องหลังของอีกฝ่าย

จากนั้นสถานการณ์ก็อึดอัด อึมครึม เพราะรัฐบาลก็เริ่ม “ลอยตัว” ปล่อยให้เข้าสู่โซนของความมั่นคงในการตัดสินใจกันเอง เนื่องจากรัฐบาล 2 ฝ่ายไม่สามารถหาความได้เปรียบทางการเมืองจากสถานการณ์ ณ จุดนี้ได้แล้ว ขณะที่กองทัพเองก็ต้องรักษาสภาวะแวดล้อมไม่ให้มีการใช้กำลังกัน เพราะไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จนกลายเป็นกระแสสวิงกลับมาโจมตีกองทัพ กดดันให้ปิดจ๊อบ สั่งสอนกัมพูชาที่หยามไทยอยู่ทุกวันเสียที

จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนเป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค. เวลา 16.55 น. ซึ่งถือเป็นรายที่ 2  

กองทัพงัดอำนาจตามพระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหม พุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร และในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้สั่งการให้กองทัพบกใช้แผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศและทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ

ใช้ชื่อปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ในการปฏิบัติการทางทหาร กองทัพบก โดยมีแนวคิดมาจาก “ยุทธ์” หมายถึง การรบหรือการยุทธ์ “บดินทร์” หมายถึง แผ่นดิน (ในเชิงสูงส่ง/ราชาศัพท์) รวมความคือ “ยุทธการแห่งการปกป้องแผ่นดินอย่างถึงที่สุด” ชื่อนี้สะท้อนการตอบโต้ศัตรู ที่บังอาจล่วงล้ำอธิปไตยไทย ด้วยยุทธวิธีที่เฉียบขาด และชอบธรรม ด้วยคำขวัญประกอบคือ บดขยี้ทุกผู้ที่เหยียบย่ำแผ่นดินไทย “เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน เพื่อศักดิ์ศรีไทย”

ณ เวลา 15.00 น. เมื่อวานนี้  “กองทัพภาคที่ 2” ได้สรุปสถานการณ์ไทยตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา ได้แก่ ช่องบก ทั้ง 2 ฝ่ายตรึงกำลัง, ช่องอานม้า F16 ทิ้งไข่ที่ตั้งกำลังกัมพูชา, พื้นที่ซำแต อ.กันทรลักษ์ ใช้รถถังเข้าตีเพื่อยึดพื้นที่, จุดตรวจการณ์ภูผี ตรงข้ามปราสาทโดนตวล ใช้ F-16 ช่องตาเฒ่า, จุดตรวจการณ์เขาสัตตาโสม ทำลายรถถังกัมพูชาได้จำนวน 2 คัน, เขาพระวิหาร วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ใช้รถถังระดมยิง ส่งทหารราบเข้ายึด, ภูมะเขือ ปัจจุบันสามารถทำลายกระเช้าส่งกำลังได้บางส่วน, ช่องจอม โจมตีกันไปมา, พื้นที่ปราสาทตาควาย กัมพูชาวางกำลัง ฝ่ายไทยเข้าตีระลอกที่ 2, พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ไทยวางกำลัง กัมพูชาพยายามเข้าตี

การเปิดด้วยกำลังทางอากาศ พุ่งเป้าทำลายศูนย์อำนวยการรบของฝ่ายกัมพูชา ที่ บก.พล.น้อยสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อยสนับสนุนที่ 9 ซึ่งมีรายงานว่า กำลังทหารที่เข้าวางทุ่นระเบิดมาจากหน่วยนี้ โดยเครื่องบินขับไล่ F-16 ทำการปล่อยระเบิดแม่นยำเข้าเป้าหมาย จำกัดวงในพื้นที่ทางทหาร

ขั้นตอนต่างๆ ได้เขียนไว้ในแผนป้องกันประเทศหมดแล้ว เพียงแต่ใส่ วัน ว. เวลา น. ในการปฏิบัติ โดยการประเมินตามสถานการณ์ และภัยคุกคาม ด้วยข้อมูลทางด้านข่าวกรอง เพื่อใช้กำลังให้ได้ตามสัดส่วน เกิดความแม่นยำกับเป้าหมายที่จะกระทำ และต้องให้เกิดความได้เปรียบจากการเจรจา เพื่อให้เกิดข้อยุติความขัดแย้งในเวลาต่อมา

จากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่าหากเกิดเหตุการณ์สู้รบ ก็จะจบในห้วงเวลาไม่เกิน 3 วัน จึงคาดการณ์กันว่า จะทำให้กำลังที่ประชิดชายแดนล่าถอยไป โดยเฉพาะพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่ฝ่ายกัมพูชามีการละเมิดเอ็มโอยู 43 มาตลอดหลายปี มีการสร้างถนน เส้นทางส่งกำลังบำรุง ชุมชน ฐานทหาร

ขณะที่กัมพูชา ซึ่งใช้อาวุธที่ไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ โดยเฉพาะจรวดหลายลำกล้อง BM21 ซึ่งได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากประเทศมหาอำนาจ หลังเหตุการณ์เขาพระวิหารเมื่อปี 2554

จากการยิงที่ไร้ทิศทางของ BM21 ส่งผลกระทบต่อพลเรือน ทั้งโรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ส่งผลให้ประชาชนไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย กลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของนานาชาติว่า ในปฏิบัติการทางทหารกัมพูชา ขัดต่อกติกาสากลที่กำหนดไว้

แนวร่วมของนานาชาติของกัมพูชา ไม่มีใครกล้าที่จะประกาศตัวชัดเจน แม้อดีตผู้นำกัมพูชาจะพยายามขอแรงหนุนจากมิตรประเทศเพื่อช่วยในด้านกำลังทหาร แต่ดูเหมือนว่าเสียงตอบรับยังแผ่ว 

ในศึกวันแรกที่มีการใช้กำลังทหารตลอดแนว นับเป็นการยึดพื้นที่ซึ่งกัมพูชารุกล้ำคืนกลับมาให้ได้ และลดทอนสรรพกำลังให้ถอยร่น กลับไป ณ จุดที่ตั้งเดิม เดินหน้าเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพื่อให้เหตุการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด

 “เหตุของการปฏิบัติการทางทหารต่อกันในครั้งนี้ มีเหตุมาจากผู้นำฝ่ายกัมพูชา อาจต้องให้ระดับฝ่ายบริหารของกัมพูชาและไทยได้เจรจากัน ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการหาแนวทางสันติวิธี เริ่มจากการแก้ที่ต้นเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อม มั่นใจว่าประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาขัดแย้งกัน หรือสมควรต้องมาได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ โดยไม่จำเป็น” พล.ต.วินธัย สุวารี

ซึ่งต้องลุ้นว่าระดับบริหารที่กำลังสาละวนกับผลทางคดีความของ “พ่อ-ลูก” จะยื่นมือเข้ามารับจบปัญหานี้ด้วยผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้งหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม

เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน