มติเสียงข้างมากของที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่มีมติ 130 ต่อ 26 เสียง เห็นชอบให้วุฒิสภา ส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ทำการไต่สวน นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งถือเป็น สว.คนดังของสภาสูงชุดปัจจุบัน หรือบางคนอาจเรียก สว.ตัวตึง เพื่อไต่สวนว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ กรณีออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นพาดพิง สว. นางแดง กองมา สมาชิกวุฒิสภาจากอำนาจเจริญ หลังตนเองไม่ได้เข้าไปเป็นกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ของวุฒิสภา แล้วออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า โดน สว.สกัดเพื่อเอา สว.นางแดงเข้าไปแทน ที่นันทนาบอกว่าเป็นคนขายหมู ทำให้นางแดงรับไม่ได้ เลยร้องไปยังคณะกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภา จนมีการรับเรื่องเข้ามาตรวจสอบและทำรายงานสรุปผลเสนอที่ประชุมวุฒิสภาเมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็มีเรื่องร้องเรียนกรณีอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่เคสวาทะคนขายหมูอย่างเดียว
พบว่าที่ประชุมวุฒิสภาใช้เวลาในการประชุมลับเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวร่วม 6 ชั่วโมง ก่อนที่สุดท้าย สว.เสียงส่วนใหญ่ที่ก็คือ สว.สีน้ำเงิน ลงมติเห็นชอบด้วยกับรายงานผลสรุปของคณะกรรมการฯ ที่เห็นว่า พฤติการณ์การแสดงออกของนางนันทนา เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของวุฒิสภา และกรรมาธิการ พ.ศ.2563 หลายข้อ จากที่ข้อบังคับเขียนไว้ว่า สว.ต้องไม่มีพฤติการณ์ที่สร้างความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์การดำรงตำแหน่ง สว.-ต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์-ต้องให้เกียรติสมาชิกวุฒิสภาด้วยกันเอง เป็นต้น
โดยมีข่าวว่า การประชุมลับที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่ สว.สีน้ำเงินจะจับมือกันแน่น ไม่มีแตกแถว บรรยากาศในห้องประชุมวุฒิสภาเป็นไปอย่างร้อนแรง โดยเมื่อมีการอ่านรายงานสรุปผลการสอบของกรรมการจริยธรรมฯ แล้ว ก็มี สว.ประมาณ 15 คน ที่ก็เป็น สว.ขั้วตรงข้าม สว.สีน้ำเงิน อีกทั้งหลายคนก็ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับนันทนา เผลอๆ บางคนส่วนตัวก็อาจไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกทางการเมืองของ นันทนาด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่วุฒิสภาจะมีมติส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช. เลยพยายามลุกขึ้นอภิปราย ช่วยนันทนา โดยเฉพาะไม่เห็นด้วยกับการส่งให้ป.ป.ช.
ข่าวที่ออกมาก็คือ สว.ที่อยู่ฝั่งเดียวกับนันทนา อภิปรายไปในทางว่า การส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เพียงเพราะการกล่าวพาดพิง สว.ด้วยกันเอง โดยไม่ใช่เรื่องว่าไปทำผิดทุจริตคอร์รัปชันหรือเอาตำแหน่ง สว.ไปแสวงหาผลประโยชน์ หากวุฒิสภามีมติออกไป จะทำให้ สว.ถูกมองว่า เรื่องแบบนี้ ที่ไม่ใช่ร้ายแรงอะไร ทำไมต้องส่ง ป.ป.ช.ที่มีงานล้นมืออยู่แล้ว ต้องมาไต่สวน สว.ควรเอาเวลาไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมเรื่องอื่นจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม สุดท้าย สว.ร่วม 15 คน ที่พยายามอภิปรายช่วยนันทนา ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเมื่อมีการลงมติ สว.ส่วนใหญ่ที่ก็คือ สว.สีน้ำเงิน งานนี้ ไม่มีแตกแถว ยังผนึกเสียงกันแน่น ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน เห็นชอบด้วยกับผลสรุปของคณะกรรมการจริยธรรมฯ และมีมติให้ส่ง ป.ป.ช.
มติ สว.ส่ง ป.ป.ช. ไต่สวนเอาผิด สว.นันทนา ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ที่ถือเป็นมาตรการรุนแรงตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภา เพราะตามข้อบังคับเปิดช่องให้ใช้ไม้อ่อนกว่านั้นได้ คือ ให้วุฒิสภามีมติว่ากล่าวตักเตือนหรือตำหนิ แต่ สว.สีน้ำเงินจัดหนักใส่ นันทนา คู่ปรับเบอร์ต้นๆ ด้วยการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. มันก็ยิ่งทำให้
"การแบ่งขั้ว-แบ่งข้าง-แบ่งกลุ่มแบ่งสี" ในสภาสูง
ที่มีมาร่วมปีกว่านับแต่ สว.ชุดปัจจุบันเข้าปฏิบัติหน้าที่ ถึงตอนนี้สถานการณ์ยิ่งขัดแย้งรุนแรงหนักขึ้น มันไม่ใช่แค่การมองหน้ากันไม่ติด พวกใครพวกมัน แต่มันคือการยิ่งยกระดับความขัดแย้งในวุฒิสภา ให้กลายเป็น สงครามสภาสูง ที่เล่นกันแรง ถึงขั้นเอากันให้ตาย เอาให้หายไปจากวุฒิสภาและการเมืองกันไปเลย เพราะสุดท้าย ไม่ว่า ป.ป.ช.จะมีมติว่านันทนา ผิดจริยธรรมฯ ตามที่วุฒิสภาส่งมาหรือไม่ หรือจะยุติเรื่อง หรือสุดท้าย ศาลฎีกาจะมีผลการไต่สวนเรื่องนี้ออกมาอย่างไร ซึ่งก็ไม่แน่ ศาลฎีกาอาจตัดสินว่า นันทนาไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมก็ได้ แต่สิ่งที่ปรากฏจากมติของ สว.เสียงข้างมากรอบนี้ มันเป็นการแสดงให้เห็นการแบ่งขั้วในสภาสูง เดินมาถึงจุด แตกหัก-พังกันไปข้าง
ที่ก็จะส่งผลให้บรรยากาศการทำงานในสภาสูงคงเขม็งเกลียวกันไปพักใหญ่
หลังการทำงานของ สว.ในช่วงหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ามีการแบ่งข้าง-แบ่งขั้ว กันอย่างชัดเจน โดยฝ่าย สีน้ำเงิน คุมทิศทางหลักๆ ของสภาสูงไว้ได้เกือบหมด ส่วน สว.ที่ไม่ได้อยู่ฝั่ง สว.สีน้ำเงิน ซึ่งช่วงหลังจากเดิมที่เคยอาจเกาะกลุ่มกันอยู่ 2-3 กลุ่ม แต่ตอนนี้ข่าวว่าเกาะกันไม่ค่อยติด บางคนที่เคยอยู่กับ สว.อิสระ ตอนหลังเอนไปทาง สว.สีน้ำเงินก็พอมีให้เห็น ขณะที่ "นันทนา" ตอนแรกๆ ก็พยายามตั้งกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ช่วงแรกๆ ก็มี สว.มาร่วมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่งประมาณ 7-8 คน แต่ข่าวว่าช่วงหลัง เหลือแค่ 2-3 คน สว.หลายคนที่เคยร่วมกลุ่มกันเช่น อดีตนักวิชาการ ต่อมาก็ปลีกตัวออกไป ด้วยเหตุทำงานการเมืองร่วมกันไม่ได้ แต่เมื่อเกิดเหตุกับนันทนา คงทำให้ สว.ที่ไม่ได้อยู่กับ สว.สีน้ำเงิน มาช่วยให้กำลังใจนันทนาไปก่อน และรอจังหวะหาโอกาสงัดกับ สว.สีน้ำเงินในจังหวะต่างๆ ต่อไป
แต่จะถึงขั้นหวังให้ คดีฮั้ว สว. ที่อยู่ในชั้น กกต. ส่งผลให้เกิดการล้างกระดานกันใหม่ในสภาสูง จน สว.สีน้ำเงินหายไปจากวุฒิสภากันแบบร้อยกว่าคน เชื่อว่า สว.อิสระ ที่หวังให้คดีฮั้ว สว. ทำให้ สว.สีน้ำเงินแพแตก ถึงตอนนี้คงไม่หวังมาก เพราะอย่างที่เห็น คดีฮั้ว สว.ทำท่าเกมยาว อีกนานกว่าจะจบ และถึงมีความคืบหน้า สุดท้ายอาจมี สว.สีน้ำเงินติดร่างแหโดนคดีแค่ไม่กี่คน แต่ครั้นจะตอบโต้ เอาคืน สว.สีน้ำเงินบ้าง โดยที่ฝั่งตัวเองมีเสียง สว.น้อยกว่ากันมาก มันก็เป็นโจทย์ยาก ที่จะพลิกเกมและชำระแค้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2
ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’
พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง
พิสูจน์กึ๋น“แม่ทัพใหม่กกต.” คุมบังเหียน2ศึกใหญ่ปีหน้า
ในช่วงปลายปี 2568 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง กระแสการเมืองไทยกำลังร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเด็นการเตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และการออกเสียงประชามติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2569
แก้รธน.วาระ2เร่งสรุปเนื้อหา วัดใจวาระ3ก่อนกดปุ่มยุบสภา
ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพุธที่ 10 ธ.ค. และครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…พุทธศักราช...ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว วาระ 2

