การที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ ทั้งจากผลการเลือกตั้งที่ถดถอย ความไม่ชัดเจนในทิศทางของพรรค และการสูญเสียบุคลากรทางการเมืองที่สำคัญ จนส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพรรคที่เคยเป็น ‘พรรคต่อสู้กับเผด็จการ’ หรือ ‘พรรคที่ยึดมั่นในอุดมการณ์’ ได้เลือนหายไป จนอาจถูกมองว่าเป็นเพียง ‘พรรคระดับพื้นที่’ ไปเสียแล้ว
ขณะที่บทบาทของพรรคการเมือง ต่างพุ่งเข้าหาประเด็นร้อนของสังคม โดยเฉพาะต่อสู้กับ ‘ทุนเทา’ หรือธุรกิจผิดกฎหมาย และอิทธิพลมืด ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างจริงจังในขณะนี้ จนเกิดเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากสาธารณชนมาต่อเนื่อง
กระทั่ง ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ซึ่งไม่ค่อยมีบทบาทในช่วงหลัง ยังต้องเดินตามกระแส เปิดตัวแคมเปญ ‘เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา’ เพื่อเดินหน้ารวบรวมข้อมูล และประกาศจุดยืนในการขจัดทุนเทาด้วย
โดยเฉพาะการยกเครื่องชุดใหญ่ ที่นำ ‘นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ คืนกลับมานำทัพ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนิยมของพรรคก็เริ่มกระเตื้อง พร้อมๆ กับการเริ่มผุดโปรเจกต์ใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ พ่วงการพรีเซนต์คนรุ่นใหม่ให้ได้เฉิดฉาย เพื่อ ‘รีแบรนด์’ สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กลับมามีความหมายต่อประชาชนในวงกว้างอีกครั้ง เนื่องจากโจทย์ใหญ่ที่สุดของพรรคในขณะนี้คือ ‘กอบกู้ความศรัทธา’
อย่างแคมเปญ ‘สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ’ ก็มีแสดงความมั่นใจว่า แค่ผ่านไป 7 วัน มีผู้เสนอตัวลงเป็นผู้สมัคร สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด 300 คนแล้ว คาดว่าจนถึงวันที่ปิดรับสมัคร อาจมีจำนวนมากขึ้นกว่า 2 เท่า ล่าสุดพรรคได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มียอดผู้แสดงความจำนงลงสมัคร สส.ทั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ เข้าใกล้ 400 รายแล้ว และพร้อมจะเปิดตัวในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ หรือมกราคมปีหน้า
‘เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา’ จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ สำหรับความพยายามอยากหวนคืนกลับสู่จุดเดิม ให้อย่างน้อยๆ ก็อาจเป็นคู่แข่งในวาระเดียวกันกับ ‘พรรคประชาชน’ ที่ก่อนหน้านี้ได้คิกออฟแคมเปญ ‘นักสืบทุนเทา’ และประกาศวิสัยทัศน์ ‘มีเรา ไม่มีเทา’ ไปแล้วอย่างน่าจับตาได้บ้าง
พรรคประชาธิปัตย์เน้นไปยังการเมืองสุจริต มุ่งปราบปรามทุนเทาเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศเจตนารมณ์ที่จะทำการเมืองอย่างซื่อสัตย์ โปร่งใส และไม่ประนีประนอมกับผู้มีอิทธิพล หรือการต่อสู้เพื่อคนตัวเล็ก ในธุรกิจผิดกฎหมายที่มักสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย และความปลอดภัยของผู้บริโภค สร้างภาพจำเป็นผู้พิทักษ์ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อช่วยให้พรรคมีพื้นที่ทางการเมือง ในการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงบทบาทเชิงรุกที่ชัดเจน
ดังที่ร้อยตำรวจเอกพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ระบุว่า จากการตรวจสอบของคณะทำงานพรรคประชาธิปัตย์ พบการกระทำต้องสงสัยของบุคคล เช่น นายยิม เลี้ยก นักธุรกิจชาวกัมพูชา, นายเบญจามินทร์ เมาเออร์เบอร์เกอร์ นักธุรกิจและล็อบบี้ยิสต์ รวมถึงยังเชื่อมโยงบริษัทและสถาบันการเงิน ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น B.I.C. BANK CAMBODIA และ B.I.C. BANK LAOS ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย
เช่น บริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 330 บาท แต่สามารถซื้อบริษัทที่มีทุนขนาดใหญ่ และกู้เงินได้มากกว่า 600 ล้านได้ หรือรวมถึงบริษัทที่หลีกเลี่ยงกฎหมาย พยายามนำต่างด้าวมาเป็นนอมินีถือหุ้นอย่างซับซ้อน เพื่อให้เกินร้อยละ 49 ตามที่กฎหมายไทยจำกัด หรือเชื่อมโยงบริษัทพลังงานใหญ่ของประเทศ ซึ่งเกี่ยวพันกับอดีตรัฐมนตรีช่วยคนหนึ่ง
โดยจะใช้หลักสากลมาตรวจสอบ โดยเฉพาะธุรกรรมการเงิน เพื่อให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐตรวจสอบ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่ออายัดเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงถึงการเมือง เพราะหลายเหตุการณ์มีการตั้งข้อสังเกต มีบุคคลพยายามเข้ามาถือหุ้นบริษัทพลังงานไทย และยังอาจโยงถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และความสูญเสียทรัพย์สินของประชาชนด้วย ทั้งนี้ จะมีการแถลงข้อเรียกร้อง และข้อเสนอของพรรคต่อไป
แม้บางมุมก็อาจถูกมองว่า การเข้ามาในจังหวะที่ 2 นั้น คล้ายการตามรอย พรรคประชาชน ในสมรภูมิทุนเทาที่พรรคประชาชนได้สร้างมาตรฐานใหม่ ในการผลักดันวาระการต่อสู้ ที่สามารถผูกโยงประเด็นเข้ากับการเมืองใหม่ได้อย่างแนบเนียน
แต่หากพรรคสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง จริงจัง และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ประชาชนสัมผัสได้ ก็อาจกลายเป็นแต้มต่อ เพื่อเตรียมสู้ในศึกเลือกตั้งใหญ่ที่ใกล้มาถึง จึงถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ที่จะกำหนดทิศทางอนาคตของพรรคต่อไปในไม่ช้า
ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป ว่าจะสามารถสั่นสะเทือนสังคมได้มากน้อยแค่ไหน
และการยกเครื่องรอบนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ ยุคสีฟ้าใหม่ จะไปไกลได้ระดับไหน หรือจุดกระแส พลิกวิกฤตให้ไม่ตกชั้นการเมืองกว่านี้อีกหรือไม่?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก


