เปิดแผล“ส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง” โค่นเก้าอี้"ผบ.ตร."จุดไฟ"องค์กรตำรวจ"

This picture taken on March 25, 2019, shows exiled former Thai prime minister Thaksin Shinawatra being interviewed by Agence France-presse in Hong Kong. - Thaksin said Thai the election was 'rigged' and marred by 'irregularities'. (Photo by ISAAC LAWRENCE / AFP)

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร้อนเป็นไฟ! ด้วยเชื้อปะทุ “ส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง” ที่ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.หันมาจับมือกับอดีตคู่กัด นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม สาดน้ำมันเข้ากองไฟเผา "องค์กรตำรวจ" แทบไม่เหลือซาก

ปฐมบทแห่งความหายนะจากการแย่งชิงอำนาจ "เจ้ากรมปทุมวัน" ทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชฐ์ ต้องกระเด็นออกนอกรั้วปทุมวัน ถูกไล่ออกจากราชการฐานผิดวินัยร้ายแรง คดีฟอกเงินรับส่วยเว็บพนัน คู่แคนดิเดต "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้กลับ สตช.เกษียณในตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ถึงแม้จะถูกร้องมีส่วนเกี่ยวข้องรับส่วยเว็บพนันเช่นเดียวกันกับ บิ๊กโจ๊ก เรื่องยังอยู่ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ก็อยู่ที่คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ชี้มูลอดีต ผบ.ตร.ผิดวินัยร้ายแรง ที่ ก.ร.ตร.ต้องประมวลผลการสอบสวน ส่งให้ สตช.ดำเนินการลงโทษย้อนหลังถึงแม้เกษียณไปแล้วภายใน 3 ปี

แต่การออกมาเคลื่อนไหวรายวันของ บิ๊กโจ๊ก ก้าวข้าม บิ๊กต่อ อดีตคู่กรณีไปแล้ว เล่นใหญ่หวังโค่น บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ลงจากเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ด้วยเพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้อดีตรอง ผบ.ตร.ต้องหลุดโคจรสีกากี ที่เซ็นคำสั่งไล่ออกจากราชการฐานผิดวินัยร้ายแรง สกัดขึ้นเป็น “ผบ.ตร.”  

 “บิ๊กโจ๊ก” เตะใต้กางเกง “เปิดแผล” องค์กรตำรวจ โดยเฉพาะส่วยเว็บพนัน ที่ตัวเองถูกกล่าวหาจนถูกไล่ออกจากราชการ ยันตัวเองบริสุทธิ์ ไม่เคยรับเงินสีเทา ย้อนเกล็ดชุดเฉพาะกิจ “ตำรวจ PCTที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปราบเว็บพนัน โดยเฉพาะชุด PCT4 ที่มี “บิ๊กอรรถ” พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าชุดในขณะนั้น ถูกลากเข้าสภาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชนเป็นประธาน

อดีตรอง ผบ.ตร.รุกหนัก นำ น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน เจ้าแม่เว็บพนันภาคใต้ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีที่ถูกตำรวจ PCT จับ เข้าห้องประชุม กมธ.มั่นคงด้วย ตั้งคำถามนำให้ น.ส.พิมพ์วิไลตอบยืนยันว่ามีการจ่ายส่วยให้ตำรวจพีซีทีทั้ง 5 ชุด จนเกิดวลี “จ่ายเงินให้ตำรวจแล้วทำไมโดนจับ” ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” ชิงความได้เปรียบเมื่อการเข้าชี้แจงครั้งนั้น ประธาน กมธ.อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไลฟ์สดชมกันทั้งประเทศ ตัวแทน สตช.ที่เข้าร่วมชี้แจง “บิ๊กแจง” พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. ดันเกิดประเด็นดรามาโต้แย้งอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ถึงแม้จะไม่ปฏิเสธหรือยอมรับว่าตำรวจรับส่วย สังคมโซเชียลขุดฉ่ำถ่ายภาพร่วมเฟรมกับนักการเมืองที่ถูกพาดพิงเจ้าของเว็บพนัน รวมทั้งกลุ่มนักธุรกิจจีนเทา

กลายเป็นสงครามวาทกรรมตอบโต้กันไปมาทางสังคมโซเชียล “บิ๊กโจ๊ก” ซัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด ทำให้ตำรวจทั่วประเทศ ไม่รู้ว่าจะมีคำสั่งหรือไม่ ต่างออกมาปฏิญาณตน “ตำรวจไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม” 4 องค์กรตำรวจ ทั้งสมาคมตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวน สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ ออกมาโต้แย้งทำให้องค์กรเสียหาย ทั้งที่ตัวเองเคยรับราชการตั้งแต่ “ร.ต.ต.-พล.ต.อ.” กินเงินเดือนมาทั้งชีวิต แต่ทำผิดจนถูกไล่ออกจากราชการ แต่กลับย้อนมาเผาบ้านตัวเอง

ทันทีที่ตั้งตัวได้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิอย่าง พล.ต.อ.วินัยทองสอง, พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. รวมทั้ง บิ๊กอรรถ พยายามใช้เวทีสื่อมวลชนชี้แจง รวมทั้งตั้งโต๊ะตอบโต้วาทกรรม “ให้ประชาชนรับฟังอย่างรอบคอบ ชี้คนพูดถูกไล่ออกจากราชการ เป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเว็พนัน ต้องฟังความให้รอบด้าน” แต่ด้วยต้นทุนทางสังคมตำรวจค่อนข้างต่ำ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ชาวบ้านเชื่อไปแล้วว่าตำรวจ "รับส่วย" ด่ากันขรมทั้งประเทศ   

องค์กรสีกากียังไม่ทันหายเมามัดประเด็นส่วยเว็บพนัน “บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ” เปิดแผลต่อเนื่องจี้ปม "ซื้อขายตำแหน่ง" ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ “รอง ผบก.-สว.” ที่จะต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) อ้างมีตำรวจในพื้นที่อึดอัดเสียขวัญกำลังใจในการทำงาน จะขึ้นเป็น ผกก.ต้องจ่ายเงินให้ผู้บังคับบัญชา ราคาค่างวดอยู่ที่ 5-8 ล้านบาท หรือ ผกก.คนใดจะอยู่ที่เดิมก็ต้องเสียค่าเช่าที่ "บิ๊กโจ๊ก" ถึงกับเอ่ยปากผ่านสื่อ “โคตรเลว” พร้อมร้องไปยัง นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล มีคำสั่งให้ “ผบ.ต่าย” ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

สังคมเฝ้าจับตา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เต้นถึงกับต้องมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.ภ.8 เพื่อนร่วมรุ่น นรต.41 พร้อมรอง ผบช.ทุกคนเข้าชี้แจงด่วนที่ สตช. ก่อนออกมาเปิดใจครั้งแรกหลังถูกมรสุมเข้าถาโถม ยัน ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งตามที่ถูกกล่าวอ้าง ถ้ามีตำรวจคนใดกล้าซื้อขายตำแหน่งถือว่าโง่สุดๆ ยังไม่ทันข้ามคืน “อัจฉริยะ” ร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เอาผิดขบวนการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ บช.ภ.4 อ้างคลิปหลักฐานการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างตัวแทนการวิ่งเต้น และแชตข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ การตกลงซื้อขายตำแหน่ง เป็นภาพเงินสด กล่องของขวัญ กระเป๋า นาฬิกาแบรนด์เนม จากผู้หญิงที่อ้างตัวเป็น คุณหญิง ในการแต่งตั้งวาระปี 67 พร้อมระบุแชตไลน์บางส่วนเป็นไลน์ที่ ผบ.ตร.ใช้อยู่จริง

หลักฐานที่ดีเอสไอได้รับจะจริงหรือไม่ ต้องรอการสอบสวน แต่ คุณหญิง “จ.” หนึ่งในตัวละครวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งมีอยู่จริง ทันทีที่เรื่องแดงขึ้นมา ราชกิจจานุเบกษาประกาศเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญรัตนาภรณ์ เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา 

มหากาพย์เปิดโปงองค์กรตำรวจคงไม่จบง่ายๆ วันที่ 26 พ.ย.นี้ ทั้ง "บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ" จะเข้าให้ข้อมูลกับ กมธ.ความมั่นคงอีกครั้งที่รัฐสภา แย้มมีหลักฐานเด็ดแบบเอ็กซ์คูลซีฟ ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ทั้งเรื่อง “ส่วยเว็บพนัน-ซื้อขายตำแหน่ง” ถึงขั้นน็อก “ผบ.ต่าย” และองค์กรสีกากีได้เลย!

 “กรมปทุมวัน” อยู่ในภาวะอึมครึมอีกครั้ง ถึงแม้นายกฯ อนุทินจะไม่เข้ามาล้วงลูก โยนให้ “ผบ.ตร.” แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ ผบ.ตร.จะเพิกเฉยยืนกระต่ายขาเดียว “ตำรวจไม่รับส่วย-ตำรวจไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง” ไม่ได้ เมื่อหลักฐานที่ส่งถึงดีเอสไอ เจาะจงที่ตัว “ผบ.ต่าย” และคนใกล้ชิด

นับเป็นการเขย่าเก้าอี้ครั้งรุนแรงที่สุดตั้งแต่ "บิ๊กต่าย" เข้ามากุมบังเหียนกรมปทุมวัน เหลือเวลาอีกเกือบปี มรสุมที่กำลังเล่นงานจะแก้อย่างไร เมื่อคนที่ออกมาแฉเป็นถึง "พล.ต.อ." รู้ไส้ทุกขดของตำรวจด้วยกัน ประชาชนจึงเชื่อโดยไม่ต้องไตร่ตรอง องค์กรตำรวจถึงขั้นหลังพิงฝาแล้ว จะมารอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ศักดิ์ศรีตำรวจกว่า 2 แสนนาย คงถูกย่ำยีไม่เหลือชิ้นดี

“ผบ.ตร.” จะจัดการปัญหาอย่างไร ต้องรีบทำให้โปร่งใส และตอบคำถามสังคมให้ได้!.      

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)