เอกชนจี้รัฐหาวิธีทางการทูตซื้อสินค้าตรงจากรัสเซียเพื่อช่วยคนในประเทศ

ส.อ.ท. โอดความเชื่อมั่นอุตฯ เม.ย.ยังดิ่งต่อเดือนที่ 2 จี้รัฐหาวิธีทางการทูตซื้อสินค้าตรงจากรัสเซียเพื่อช่วยคนในประเทศ พร้อมห่วงดีเซลพุ่งกระทบภาคบริโภคทั้งระบบกดดันหนี้ครัวเรือนเพิ่ม เสนอตั้งคณะทำงานแก้วิกฤต

10 มิ.ย. 2565 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. 2565 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 86.2 ในเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันจากเดือนมี.ค. 2565 ปัจจัยสำคัญมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อผู้ประกอบการภาคการผลิตโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้าจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง

นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากผลกระทบความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งการปิดเมืองของจีนส่งผลให้เกิดปัญหาซัพพลาย ช็อตเทจ โดยเฉพาะการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เพื่อใช้ผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มขึ้น นโยบายเปิดประเทศและการยกเลิกระบบเทสต์แอนด์โกช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ

ขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่ใกล้แตะราคาเพดาน 35 บาทต่อลิตร ว่า ภาคเอกชนมีความกังวลว่าจะทะลุเพดาน 35 บาทต่อลิตร เรื่องจากราคาดังกล่าวมาจากสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ 100-110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะนี้ราคาน้ำมันขึ้นระดับ 110-120 เหรียญฯ ล่าสุดเอกชนประเมินว่าจะขึ้นระดับ 135-140 เหรียญฯ เพดานอาจต้องขยับเป็น 40 บาทต่อลิตร ซึ่งภาคเอกชนแม้จะได้รับผลกระทบรุนแรงแต่ได้วางแผนความเสี่ยงเพื่อรับมือแล้ว ที่ห่วงคือธุรกิจเอสเอ็มอี และภาคครัวเรือนที่จะกระทบอำนาจการบริโภค เมื่อรายจ่ายเพิ่มความสามารถการชำระหนี้จะลดลง อาจกดดันหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นไปอีก จากปัจจุบันก็สูงมากอยู่แล้วระดับ 90.1%

“ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างปรับลดเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ หรือ จีดีพี มีเพียงไทยที่หน่วยงานรัฐปรับเพิ่มจีดีพี รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน คาดว่าคงหวังภาคการท่องเที่ยวจะเป็นตัวดึงจีดีพี แต่มุมเอกชนกลับมีความกังวลปัจจัยโลกโดยเฉพาะสงคราม เพราะเริ่มส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลง เริ่มเห็นบางอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งขนาดรายได้ของภาคส่งออกสูงกว่าภาคท่องเที่ยว แม้รายได้ท่องเที่ยวทดแทนคงไม่พอ ดังนั้นเวลานี้สิ่งที่ควรดำเนินการคือ ความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน อาจตั้งคณะทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมกันทำงานเพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด”นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ทั้งนี้จากการรวบรวมความเห็นของสมาชิกส.อ.ท. เพื่อเสนอต่อภาครัฐ ประกอบด้วย 1.เสนอให้ภาครัฐช่วยเจรจาหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ที่มีศักยภาพมาทดแทน โดยเฉพาะ ปุ๋ย อาหารสัตว์ สารเคมี ขณะเดียวกันอยากขอให้ภาครัฐใช้วิธีทางการทูตเจรจาซื้อวัตถุดิบ หรือสินค้าโดยตรงจากรัสเซีย อาทิ ปุ๋ย เช่นเดียวกับประเทศอื่นที่หาวิธีช่วยเหลือคนในประเทศตัวเองก่อน เพราะหากไทยไม่ทำวิธีดังกล่าวจะได้รับผลกระทบรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศและเพื่อความมั่นคงระยะยาว

2.ออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี อาทิ เงินอุดหนุนรักษาการจ้างงาน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ 3.เสนอภาครัฐเปิดการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ และออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2565 และ4.ดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มพช. แจงปมของบ ส.อ.ท. ทำวิจัย

ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานคณะกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน (มพช.) พร้อมด้วยคุณพรอรัญ สุวรรณพลาย กรรมการและเหรัญญิก มพช.

โออาร์-บางจากขึ้นราคาเบนซิน 40 สตางค์/ลิตร

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ได้มีการประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันราคาเบนซินและกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร