คมนาคม จี้ รฟท.เร่งประมูลรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง

‘ศักดิ์สยาม’สั่งการรถไฟฯ เร่งประกวดราคารถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย ประเดิม 3 เส้นทาง ภายใน ธ.ค. 65-ม.ค.66 พร้อมเริ่มสร้าง พ.ค. 66 ก่อนเปิดให้บริการภายในปี 69 ส่วน Missing Link คาดเปิดใช้ในปี 71 

23 มิ.ย. 2565 – นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยเป็นประธานการประชุมติดตามแนวทางการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน และโครงการรถไฟสายสีแดง (ส่วนต่อขยาย) ว่า กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดผลักดันให้การเดินทางด้วยระบบรางเป็นระบบหลักของประเทศ เนื่องจากในปัจจุบันการขนส่งทางรางเป็นทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่า สามารถลดต้นทุนทั้งด้านเวลา และด้านโลจิสติกส์ รวมถึงเป็นรูปแบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่จะช่วยสร้างศักยภาพและโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน ที่จะนำมาสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในท้ายที่สุด 

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าโครงการรถไฟสายสีแดง (ส่วนต่อขยาย) โดยตนได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้าง สายสีแดง (ส่วนต่อขยาย) 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.ช่วงตลิ่งชัน–ศิริราช ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 4,694.36 ล้านบาท 2.ช่วงรังสิต–มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,468.69 ล้านบาท ภายใน ธ.ค. 2565 และ 3.ช่วงตลิ่งชัน–ศาลายา ระยะทาง 14.8 กม. วงเงิน 10,670.27 ล้านบาท พร้อมประกวดราคาใน ม.ค. 2566 

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ทั้ง 3 เส้นทางดังกล่าว จะเริ่มก่อสร้างใน พ.ค. 2566 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 สามารถเปิดให้บริการต่อขยายเส้นทางจากรถไฟสายสีแดงที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ไปยังพื้นที่ชานเมืองทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร (กทม.) รองรับการเดินทางของประชาชนและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รวมถึงประชาชนที่ใช้บริการโรงพยาบาลศิริราช ให้ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางได้อย่างตรงเวลายิ่งขึ้น 

สำหรับช่วงบางซื่อ–พญาไท–มักกะสัน–หัวหมาก และช่วงบางซื่อ–หัวลำโพง (Missing Link) ระยะทาง 25.9 กม. อยู่ระหว่างการปรับปรุงแบบสถานีราชวิถีใหม่ให้ผู้โดยสารเดินเชื่อมเข้าสู่อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีได้สะดวก และเป็นการบูรณาการการใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟสายสีแดงช่วง Missing Link ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุดในการเดินทางเชื่อมต่อ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2571 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่าได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยให้คณะกรรมการกำหนดราคากลาง พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามหลักธรรมาธิบาลอย่างเคร่งครัดก่อนเสนอต่อ ครม. และให้ รฟท. เสนอรูปแบบของสัญญาการประกวดราคาแบบปรับราคาได้ ซึ่งจะทำให้กรอบวงเงินโครงการลดลงตามค่า k อันจะช่วยประหยัดวงเงินลงทุนโครงการได้ ในกรณีที่มีการลดลงของราคาวัสดุหรือต้นทุนทางพลังงาน 

นอกจากนี้ได้กำชับต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อผลักดันให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการเดินทาง สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทาง ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ที่จะส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน การท่องเที่ยวนำมาสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในท้ายที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคำวินิจฉัย ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย ชี้ความเป็นรมต. 'ศักดิ์สยาม' ไม่สิ้นสุดลง

จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 เสียง ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5)

ภูมิใจไทยรอด! 'นักวิชาการ' ชี้เป็นความผิดส่วนบุคคล ส่วนเงินบริจาคไม่ผิดกฎหมาย

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นต่อโอกาสยุบพรรคภูมิใจไทย จากความผิดของเลขาธิการพรรคว่า

ซ้ำอีกดอก! 'พี่ศรี' จ่อร้อง กกต.กรณี ซุกหุ้น 'ศักดิ์สยาม-ภูมิใจไทย' ต้องถึงยุบพรรคหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 ให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รม

อนุกกต.เรียกหจก. บุรีเจริญ แจงบริจาคเงินเข้าภูมิใจไทย

ผู้สี่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อเดือนมี.ค. 66 ก่อนการเลือกตั้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างเหตุว่า นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มีพฤติการณ์เป็นนอมินีถือหุ้นในหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นแทนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​คมนาคม และทั้งนายศุภวัฒน์ หจก. บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ จำกัด ได้มีการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ปี 2561-2565 รวมจำนวนหลาย 10 ล้านบาท เงินบริจาคดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 นั้น