บขส. เตรียมแผนรับคนเดินทางสงกรานต์วันละ 6-7 หมื่นคันต่อวัน

‘บขส.’ เปิดแผนอำนวยความสะดวกเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ จัดรถโดยสาร 4,500 เที่ยว พร้อมรถเสริม 700 คัน รองรับประชาชนเดินทางสูงสุดวันละ 6-7 หมื่นคันต่อวัน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังคุมเข้มมาตรการด้านความปลอดภัย

30 มี.ค. 2566  ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการเดินรถ อำนวยความสะดวกด้านจราจร รองรับประชาชนในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ที่มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.2566 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางจำนวนมาก เมื่อเทียบกับผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ 2566 ประมาณ 10% 

ทั้งนี้โดยในเที่ยวไป ระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.66 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 60,000-70,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 4,500 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับระหว่าง วันที่ 16-18 เม.ย.66 คาดว่ามีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 53,000 คน ใช้รถโดยสารประมาณ 3,300 เที่ยว และขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถทะเบียน 30) มาจัดเสริมในเส้นทางต่างๆ ประมาณ 700 คัน จึงมั่นใจมีรถโดยสารเพียงพอรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างแน่นอน

“นี้ในส่วนการจองตั๋วล่วงหน้าในการเดินทางสงกรานต์ปัจจุบันมีมากกว่า 80% แล้ว โดยภาคเหนือ 3 จังหวัดที่มีการจองตั๋วเดินทางมากที่สุด ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-เชียงราย, กรุงเทพฯ-น่าน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ-นครพนม, กรุงเทพฯ-ธาตุพนม และ กรุงเทพฯ-มุกดาหาร และ ภาคใต้ 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่, กรุงเทพฯ-ตรัง และ กรุงเทพฯ-เกะสมุย “นาย สัญลักข์ กล่าว

ทั้งนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งฯ ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง รวมทั้งขอให้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วเท่านั้น และให้ตรวจสอบข้อมูลในตั๋วโดยสาร เช่น เส้นทาง, เวลารถออก , จุดขึ้นรถทุกครั้ง นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วมฯ ติดป้ายแสดงราคาค่าโดยสารที่หน้าช่องขายตั๋วให้ชัดเจน เพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารทราบและป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าโดยสาร

นอกจากนี้ บขส. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), กองบังคับการตำรวจจราจร สน.บางซื่อ, สน.ตลิ่งชัน และสน.ทองหล่อ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อำนวยความสะดวกด้านการจราจรโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ทั้ง 5 แห่ง, จัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ สารเสพติดของพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ ตั้งจุดตรวจรถโดยสารบนทางหลวงสายหลัก และขอความร่วมมือองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ นำรถโดยสารมารับผู้โดยสารในเที่ยวกลับ บริเวณชานชาลาขาเข้า สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2 รวมทั้งดำเนินด้านความปลอดภัยของรถโดยสารและพนักงานขับรถ

ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการรถร่วม บขส. กระทำผิดเกี่ยวกับจำหน่ายตั๋วเกินราคา และใช้เวลาเดินทางนาน เบื้องต้น บขส. มีบทลงโทษจากเบาไปหาหนักแล้วแต่กรณี แต่ถ้าผู้ประกอบการรายเดิมกระทำผิดซ้ำจะลงโทษขั้นสูงสุดคือยกเลิกสัญญาเดินรถ 

ด้าน พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ กล่าวว่าหลังจากร่วมกันในส่วนของงานป้องกันและปราบปราม จะมีการจัดกำลังสายตรวจปล่อยแถวเพื่อป้องกันเหตุต่างๆ ในวันที่ 11-12 เม.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก จึงได้วางแผนปล่อยแถวป้องกันเหตุกรีดกระเป๋า ล้วงกระเป๋าบริเวณ ชาลลาข้าออก ในวันที่11 เม.ย.นี้ เวลา 16.00 น. เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุบริเวณในพื้นที่บริเวณ บขส. 

“ขณะที่ในส่วนของการสืบสวนได้มีการจัดโต๊ะเพื่อตรวจปัสสาวะ สำหรับทั้งพนักงานขับรถและสุ่มตรวจสำหรับผู้ที่ต้องสงสัยต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องแสกนอาวุธปืน และได้มีการประสานกับ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)ในการตรวจเป่าเมา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยสุ่มตรวจแอลกอฮอล์พนักงานขับรถทุกคันบัส ให้มีความพร้อมเพื่อความปลอดภัยของประชาชนให้เดินทางกลับที่หมายโดยสวัสดิภาพ ”พ.ต.ท.วรภัทร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลห่วงยอดโควิดพุ่ง แต่ขอให้มั่นใจโรงพยาบาลพร้อมรับมือ!

'เกณิกา' เผยรัฐบาลห่วงใยยอดโควิดยังพุ่งหลังสงกรานต์ ขอให้ประชาชนมั่นใจโรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมรับมือผู้ป่วยโควิด แนะใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัด รีบตรวจ ATK หากมีอาการคล้ายหวัด

'ทบ.' เปิดแผนรับมือ สถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-เมียนมา

รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เปิดเผยแนวทางการปฏิบัติในการรองรับสถานการณ์ความไม่สงบด้านเมียนมา กรณีการปะทะระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย