นายกฯ ยินดี ไทย – กัมพูชา บรรลุข้อตกลงการจ้างแรงงาน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ พร้อมแก้ไขปัญหาแรงงานและการค้ามนุษย์
5 พ.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าประเด็นการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ โรงแรมอังกอร์พาราไดซ์ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 19 - 21 เมษายน 2566 เชื่อมั่นจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานอีกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เข้าร่วมการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา – ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผลประชุมที่สำคัญ ดังนี้
- การออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย แรงงานกัมพูชาสามารถเดินทางไปทำเอกสารเดินทาง (TD) ณ ศูนย์ One Stop Services ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญ พระตะบอง และบันเตียเมียนเจย
- กรณีแรงงานกัมพูชาไม่มีเอกสารเดินทาง สามารถขอเอกสารข้ามแดนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทยเพื่อเดินทางไปกัมพูชาและขอบัตรแรงงานกัมพูชาในต่างแดน (Overseas Cambodia Worker Card : OCWC) และเอกสารเดินทาง (TD) ณ ศูนย์ One Stop Services โดยฝ่ายไทยจะแจ้งข้อมูลของแรงงานกัมพูชาที่จำเป็นต้องจัดทำเอกสาร เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการตรวจสอบและยืนยันข้อมูล เพื่อพิจารณาออกเอกสารเดินทาง (TD) ฉบับใหม่
- การปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันเรื่องการตรวจสุขภาพในประเทศต้นทาง ต้องกำหนดโดยหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศผู้รับ โดยแรงงานจะต้องตรวจสุขภาพจากประเทศต้นทางก่อนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
“นายกรัฐมนตรีรับทราบ และขอบคุณการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จนสามารถลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการจ้างแรงงานจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพได้สำเร็จ เชื่อมั่นว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนแก่แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง ได้รับการดูแลคุ้มครองตามมาตรฐานสากล จะเป็นการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้าง และผู้ประกอบการ รวมไปถึงแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน รวมถึงจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ” นายอนุชา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จตุพร' ชำแหละโหวตนายกฯ 'ประยุทธ์' คืนความสุขให้เพื่อไทย 'ประวิตร' ช้ำใจถึงขั้นซดน้ำใบบัวบก
‘จตุพร’ ชำแหละการโหวต ‘เศรษฐา’ เป็นนายกฯ สะท้อนกลุ่มอำนาจรัฐประหาร แสดงละครร่วม‘เพื่อไทย’ คืนอำนาจและความสุขที่ถูกยึดอำนาจ 9 ปี ประชาชนถูกต้ม ส่วน ‘ประวิตร’ คงช้ำใจถึงขั้นซดน้ำใบบัวบกบรรเทาเพื่อแรงบันดาลใจ
นายกฯ ชื่นชม 3 โครงงาน ของตัวแทนเยาวชนไทย นำขึ้นไปทดลองจริงบนอวกาศ
นายกฯ ชื่นชมตัวแทนเยาวชนไทย จากการแข่งขันโครงการ 'Asian Try Zero-G 2023' ไทยได้รับคัดเลือกถึง 3 โครงงาน เพื่อนำขึ้นไปทดลองจริงบนอวกาศ
เปิดตัวรถไฟขนส่งสินค้า 'มาบตาพุด-กัมพูชา' ต่อยอดความร่วมมือ 2 ประเทศ!
รัฐบาลต่อยอดความร่วมมือไทย – กัมพูชา เปิดตัวรถไฟขนส่งสินค้าขบวนปฐมฤกษ์มาบตาพุด-กัมพูชา เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าและเครือข่ายโลจิสติกส์ เชื่อมโยงกลุ่มภูมิภาค
'ศิธา' อ่านเกม 'ลุงตู่' ลาออกจาก รทสช. เพื่อให้ปชต.เดินหน้า หรือ เป่านกหวีดรวมพลังทิศทางเดียว
'ศิธา' อ่านเกม 'ลุงตู่' ลาออกจากรทสช.เพื่อให้ปชต.เดินหน้า หรือ เป่านกหวีดรวมพลังทิศทางเดียว
นายกฯ ติดตามพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-แล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน พร้อมรับมือสถานการณ์ได้ทันท่วงที
นายกฯ ติดตามประเมินวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-แล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน ตามปริมาณฝนคาดการณ์ ONE MAP ย้ำประชาชนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้ทันท่วงที
แผนพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ครอบคลุมเส้นทางฝั่งอันดามัน-อ่าวไทยคืบหน้า
นายกฯ ยินดีแผนพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือฝั่งอันดามันและอ่าวไทยคืบหน้า คาดเปิดใช้งานได้ภายในปี 2571 สนับสนุนการท่องเที่ยวเรือสำราญ กระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ