
“อาคม” เชื่อตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าไม่กระทบเศรษฐกิจ ยันนักลงทุนมั่นใจเสถียรภาพการเงิน-การคลังประเทศ ชูเป้าลงทุนชัดเจน โยนเคาะงบประมาณปี 67 พร้อมจี้ทำนโยบายการคลังแบบมุ่งเป้า เน้นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อน
22 พ.ค. 2566 – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เปิดเผยถึงกรณีจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า และจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้หรือไม่ ว่า ในเรื่องเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องของมุมมองการประเมิน ไม่ว่าจะหน่วยงานของรัฐ เอกชน รวมทั้งหน่วยงานของต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะพิจารณาจากความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างขีดความสามารถในอนาคต ซึ่งในส่วนของไทย ที่ผ่านมาการลงทุนก็มีความชัดเจนว่าจะลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง จึงเป็นสิ่งที่ต่างชาติมอง
“มุมมองการขยายตัวเศรษฐกิจเป็นเรื่องของปัจจัยภายนอกมากกว่าที่จะเข้ามากระทบ ส่วนปัจจัยภายใน ในแง่การบริหารเศรษฐกิจ มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว อัตราการเติบโตแม้ว่าตัวเลขจะไม่ได้สูงมากนัก แต่ในแง่เสถียรภาพ ทั้งด้านการคลัง และด้านการเงิน อยู่ในเกณฑ์ดี ต่างชาติมีความเชื่อมั่นเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ และเสถียรภาพการคลังของประเทศ” นายอาคม กล่าว
ดังนั้น ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ตามที่คาดไว้ และอาจจะเร่งตัวขึ้นสวนกระแสเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอลง ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขการส่งออกที่หดตัวในช่วงที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องต้องแก้ไขในบางหมวดสินค้า ที่ต้องเร่งส่งออกให้มากขึ้น ในส่วนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยเอสเอ็มอี (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ก็เข้ามาเชื่อมต่อ ถ้าขาดเงินในช่วงใด ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง
นายอาคม ยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ว่า คงต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาดูงบประมาณ ซึ่งตามปฏิทินก็ต้องเริ่มมีการจัดทำแล้ว รัฐบาลใหม่ก็ต้องเข้ามาดูว่ามีส่วนไหนจะมีการปรับปรุงอย่างไร ส่วนมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว เช่น บัตรบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็มีการดำเนินการตามกฎหมาย รอบปี 2564-2565 มีการลงทะเบียน จ่ายเงินไปหมดแล้ว ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่
ขณะที่การทำนโยบายรัฐสวัสดิการ ก็ยังมีความจำเป็น ควรทำนโยบายการคลังที่มุ่งเป้ากลุ่มที่มีความเดือดร้อน การให้ความช่วยเหลือแบบกว้างขวาง เหมือนในช่วงโควิด-19 ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายไปแล้ว ดังนั้น การใช้นโยบายการคลังก็ต้องมุ่งเป้า เป็นทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ที่หลายประเทศใช้เงินโควิด-19ไปค่อนข้างเยอะก่อนหน้านี้ ส่วนมีความกังวลต่อนโยบายรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ ยังไม่รู้ ต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาก่อน ขณะที่ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศ ก็เชื่อมั่นมาตลอด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยกตัวเลข 'สศช.-ไอเอ็มเอฟ' ตอกย้ำ 'บิ๊กตู่' แก้ ศก.มาถูกทาง!'
'ทิพานัน' ยกรายงานสภาพัฒน์-ไอเอ็มเอฟ ชี้เศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัวดีขึ้น สะท้อนนโยบายและวิสัยทัศน์ 'พล.อ.ประยุทธ์' มาถูกทาง เป็นผู้นำพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศ
'กรุงไทย' ชี้ท่องเที่ยวฟื้นเคาะจีดีพีปี 66 โต 3.4%
“Krungthai COMPASS” ยังมองจีดีพีไทยปี 2566 โตได้ 3.4% ชี้อานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้นตัวแกร่ง ช่วยหนุนการบริโภคภาคเอกชน ลุ้นโตสูงถึง 2% ห่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว-ดอกเบี้ยพุ่ง-เงินเฟ้อสูงสะเทือนการลงทุนภาคเอกชน ส่งออกยังทรุดตามทิศทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
ไทยพาณิชย์ชี้เศรษฐกิจไทยจะกลับไปเท่าช่วงก่อนโควิดในช่วงกลางปีนี้
ประเดิมไตรมาสแรกของปี ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนหนุนเศรษฐกิจไทยท่ามกลางการส่งออกที่ยังหดตัว ผลการจับขั้วรัฐบาลยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตาประเดิมไตรมาสแรกปี 2023 เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงกว่าตลาดคาดการณ์
เศรษฐกิจไทยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนการจัดตั้งรัฐบาล กระทบการใช้จ่ายภาครัฐ
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 2.7% YoY ตามคาด… ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่ 3.7%
แบงก์ชาติชี้ ศก. ไทยไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ โฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า “ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากสถานการณ์ในภาคธนาคารและความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ
นักวิชาการเทียบเศรษฐกิจไทยเหมือน ‘นักกีฬาสูงวัย’ ต้องการ ‘โค้ช’ เก่งๆมาช่วย
นายสันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวว่าเศรษฐกิจไทยเปรียบเสมือน”นักกีฬาสูงวัย”ที่ต้องการ”โค้ช”เก่งๆมาช่วย