เปิดตัวเลขผู้โดยสารใช้บริการ ‘สายสีเหลือง’ วันแรกครบ 23 สถานี พุ่ง 6.5 หมื่นคน

‘คมนาคม’จ่อชง ครม. 27 มิ.ย.นี้ รับทราบเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้สสายสีเหลือง 15-45 บาท เปิดเชิงพาณิชย์ 3 ก.ค. 66 ด้าน ‘กรมรางฯ’เปิดตัวเลขวันแรก 19 มิ.ย. เปิดครบ 23 สถานี ลาดพร้าว-สำโรง มีผู้โดยสาร 6.5 หมื่นคน

20 มิ.ย.2566-นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรงงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (20 มิ.ย. 2566) นั้น ยังไม่มีพิจารณาเรื่องอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้ามหานคร (โมโนเรล) สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร (กม.) เข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. 

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวไปแล้ว อยู่ระหว่างรอสำนักเลขาธิการ ครม. ส่งเรื่องสอบถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่า ครม. พิจารณาในวันที่ 27 มิ.ย. 2566 ซึ่งจะทันตามแผนกำหนดของบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทานโครงการฯ ที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ และเริ่มจัดเก็บค่าโดยสาร ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2566

ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สำหรับอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รวม 23 สถานีนั้น ราคาเริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 45 บาท ส่วนผู้สูงอายุ ราคาเริ่มต้น 8 บาท สูงสุด 23 บาท โดยราคาดังกล่าว เป็นไปตามสัญญาฯ ราคาค่าโดยสาร ซึ่งอยู่ที่ 14-42 และเมื่อรวมกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในปัจจุบันจึงเป็น 15-45 (ข้อมูล ณ ม.ค. 2566)

ขณะที่ รายงานข่าวจากกรมขนส่งทางราง (ขร.) ระบุถึงตัวเลขผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเปิดให้บริการครบ 23 สถานี ตั้งแต่สถานีลาดพร้าว-สถานีสำโรง เวลา 12.00-21.00 น. (สถานีภาวนา-สถานีสำโรง เวลา 06.00-12.00 น.) มีจำนวนผู้ใช้บริการสายสีเหลือง จำนวน 65,511 คน ซึ่งคาดว่าในวันนี้ (20 มิ.ย. 2566) ตัวเลขผู้โดยสารจะมีบริการเพิ่มขึ้น หลังจากเป็นวันแรกที่เปิดให้บริการในเวลา 06.00 น. 

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 2 แสนคนต่อวัน และค่าโดยสารเฉลี่ยต่อคนประมาณ 30 บาท ระยะแรกจะให้บริการ 1 ขบวน 4 ตู้ก่อน รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 1 พันคน บริษัทมีรถพร้อมให้บริการทั้งหมด 30 ขบวน 120 ตู้ จากนั้นจะพิจารณาปริมาณผู้โดยสารหากมากขึ้น จะลงทุนจัดหาตู้โดยสารเพิ่ม และนำมาให้บริการเป็น 7 ตู้ต่อ 1 ขบวน