คมนาคมเร่งสะพานคู่ขนานข้าม 'แม่น้ำโก-ลก' หนุนขนส่งเชื่อมไทย-มาเลย์

“สุริยะ” เด้งรับนโยบายนายกฯ ลุยของบปี 68 กว่า 160 ล้าน เร่งสร้าง “สะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก” เผยมาเลเซียลุยออกแบบเสร็จภายในเดือนนี้ ส่วนไทยเดินเครื่องศึกษา EIA คาดเสร็จ มิ.ย. 67 ปักธงเริ่มตอกเสาเข็มปลายปี 67 แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการปี 69 หนุนการเดินทาง-ค้าขาย เชื่อมชายแดนไทย-มาเลย์

12 ธ.ค. 2566 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ขานรับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตามที่มีข้อสั่งการครั้งเมื่อลงพื้นที่บริเวณด่านศุลกากรสะเดา (แห่งใหม่) อำเภอสะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ให้เร่งรัดดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แบ่งการดำเนินการระหว่างฝ่ายไทย และฝ่ายมาเลเซีย โดยจะรับผิดชอบฝ่ายละครึ่งสะพาน ใช้งบประมาณค่าก่อสร้างรวมสถาปัตยกรรมรวม 220 ล้านบาท แบ่งเป็น ฝ่ายไทย 110 ล้านบาท และฝ่ายมาเลเซีย 110 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ นั้น ในขณะนี้ ฝ่ายไทย โดยกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการดำเนินการเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่า จะแล้วเสร็จใน มิ.ย. 2567 ซึ่งกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2568 วงเงิน 160 ล้านบาท แบ่งเป็น การก่อสร้างสะพาน วงเงิน 110 ล้านบาท และก่อสร้างที่จอดรถ และรั้วเพิ่มเติม วงเงิน 50 ล้านบาท

นายสุริยะ กล่าวว่าฝ่ายมาเลเซีย อยู่ระหว่างการออกแบบสะพาน ซึ่งจะคู่ขนานกับสะพานเดิมในด้านทิศตะวันตก โดยได้ดำเนินการร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.) คาดว่า การออกแบบแบบจะแล้วเสร็จภายใน ธ.ค. 2566 อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างโครงการดังกล่าว ภายในช่วงปลายปี 2567 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี หรือเสร็จในปี 2569 ในส่วนของที่จอดรถ และรั้วเพิ่มเติม วงเงิน 50 ล้านบาทนั้น หากกระทรวงฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในปี 2568 และแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการได้ในปี 2570

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ลักษณะโครงการฯ จะมีขนาดช่องจราจร 4 ช่องจราจรไป-กลับ เสริมด้วยช่องทางรถจักรยานยนต์ และมีการออกแบบทางเดินให้มีหลังคาคลุม เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้มีฝนตกบ่อย และมีประชาชนใช้เดินทางข้ามค่อนข้างเยอะ โดยวัตถุประสงค์และความจำเป็นในการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก ดังกล่าวนั้น เนื่องจาก ปัจจุบันพบว่า บริเวณด่านสุไหงโก-ลก มีปริมาณการขนส่งสินค้าเกินขีดความสามารถ ดังนั้น เมื่อการก่อสร้างสะพานใหม่แล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าได้มากขึ้น จากที่ปัจจุบันพบว่าขนส่งสินค้าชายแดนบริเวณด่านสะเดา มีปริมาณที่สูงมาก

“โครงการดังกล่าว มีการหารือตั้งแต่ ธ.ค. 2552 และได้มีการเจรจากันเรื่อยมา โดยทางมาเลเซียต้องการข้ามมาสำรวจโครงการฯ แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 ทางฝ่ายไทยจึงได้มีการสำรวจและส่งผลสำรวจไปให้ หลังจากนั้นก็ได้มีการประชุมร่วมกันหารือในเรื่องของการออกแบบ และได้มีการปรับแบบกันมาหลายครั้ง รวมถึงมีการลงพื้นที่สำรวจรวมกัน โดยในเร็วๆ นี้ ทางมาเลเซียจะส่งแบบที่สมบูรณ์มาให้ เพื่อที่ไทยจะได้ดำเนินการเรื่อง EIA และดำเนินการเปิดประมูลต่อไป สำหรับการก่อสร้างโครงการฯ อาจจะไม่สามารถเร่งรัดเวลาการดำเนินการได้ เนื่องจากแม่น้ำโก-ลก เมื่อถึงช่วงฤดูน้ำหลาก และน้ำขึ้นสูง จึงไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” นายสุริยะ กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สำหรับสะพานโก-ลกเดิม เป็นสะพานแห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างข้ามพรมแดนที่เปิดใช้มาเป็นระยะเวลา 50 ปี อยู่บนทางหลวงเอเชีย หมายเลข 18 เดิมบริเวณดังกล่าว มีสะพานรถไฟ แต่ในปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ยกเลิกการเดินรถไปแล้ว ซึ่งยังมีสะพานรถไฟ และรางรถไฟอยู่ ดังนั้นการสัญจรทางบกในปัจจุบัน จะข้ามด้วยการใช้สะพานโก-ลกแห่งนี้ โดยมีขนาด 2 ช่องจราจรไป-กลับ ซึ่งมีการจราจรที่หนาแน่น ทำให้มีการหารือว่าควรจะสร้างสะพานเพิ่ม

ทั้งนี้ สะพานแห่งนี้ อยู่ในข้อตกลงความร่วมมือคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย และเป็นความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย นอกจากนี้ ยังเป็นโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) ด้วย โดยเมื่อการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลกแล้วเสร็จ สะพานเดิมจะใช้เป็นทางขาออก ส่วนสะพานใหม่จะใช้เป็นทางขาเข้า ซึ่งในปัจจุบัน พบว่า มีประชาชนข้ามด่านผ่านแดนไป-กลับอยู่ที่ประมาณ 30,000 คนต่อเดือน โดยจะทำให้การสัญจรข้ามพรมแดนสะดวกมากขึ้น เพิ่มช่องบริการบริเว๊หน้าด่านให้เร็วขึ้น