ธุรกิจสัตว์เลี้ยงดาวเด่นไฉไลปี 67 ชี้สัตว์ Exotic มาแรงรับเทรนด์ยุคใหม่

3 ม.ค. 2567ปัจจุบันต้องยอมรับว่าผู้คนนิยมอยู่เป็นโสดและมีครอบครัวกันน้อยลง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเทรนด์ของคนยุคใหม่ มองหาสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การเลี้ยงดูแบบสัตว์เลี้ยง แต่กลายมาเป็นสมาชิกของครอบครัวของตัวเองกันเลยทีเดียว ความนิยมของสุนัขและแมวยังคงมีต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันเทรนด์ของสัตว์ประเภท Exotic ก็มีแนวโน้มที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเทรนด์ยอดฮิตนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วในอเมริกาและยุโรป ที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์ประเภท Exotic กันมาก แม้ว่าไทยจะตามหลังอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนไทยเริ่มสนใจสัตว์ดังกล่าวกันมากขึ้น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมได้นำข้อมูลจากคลังข้อมูลธุรกิจมาทำการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อเฟ้นหาธุรกิจดาวเด่น 5 ธุรกิจ ธุรกิจที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย 3 ธุรกิจ ในปี 2566 และวิเคราะห์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจในปี 2567 โดยใช้ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์จากหลายภาคส่วน เช่น จำนวน อัตราการเติบโตของการจัดตั้ง อัตราการเลิก การเพิ่มปริมาณการลงทุนของธุรกิจ และข้อมูลจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ แนวโน้มธุรกิจ กระแสความนิยม นโยบายภาครัฐ ดัชนีทางเศรษฐกิจ ร่วมกับสถานการณ์ภาพรวมของประเทศ

สำหรับธุรกิจที่มีความโดดเด่นและน่าจับตามอง ในปี 2567 แบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ 9 ประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ถือเป็นธุรกิจที่ได้รับผลดีจากปัจจัยบวกในการเปิดประเทศ และมาตรการสนับสนุนภาครัฐที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องสามารถดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ สร้างโอกาส และรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ 1.ธุรกิจท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต ห้องชุด เกสต์เฮาส์ ธุรกิจจัดนำเที่ยว ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา ธุรกิจตัวแทนการเดินทาง 2.ธุรกิจการจัดประชุม แสดงสินค้า คอนเสิร์ต เช่น ธุรกิจการจัดแสดงทางธุรกิจและสินค้า ธุรกิจการจัดประชุม ธุรกิจจัดงานเลี้ยง ธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง  

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องรูปแบบการใช้ชีวิต กลุ่มธุรกิจนี้ถือเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน มีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยประเภทธุรกิจที่น่าสนใจประกอบด้วย 1.ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง ธุรกิจขายปลีกอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง ธุรกิจขายส่งอาหารสัตว์ 2.ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจรีไซเคิล ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า

จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้านับว่ายิ่งตอกย้ำความนิยมของตลาดสัตว์เลี้ยง ที่ยังจะเป็นดาวรุ่งในปี 2567 อย่างไม่ต้องสงสัย

นสพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ และประธานชมรมสัตวแพทย์ สัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ ระบุว่า แม้ว่าในช่วงของกาแพร่ระบาดโควิด-19 จะทำให้เกิดผลกระทบกับหลายธุรกิจ แต่ไม่ใช่กับตลาดสัตว์เลี้ยง เนื่องจากผู้คนต้องอยู่บ้านกันมากขึ้น รวมถึงการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ประชาชนในช่วงทุกกลุ่มวัยต่างก็อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน เพราะการมีสัตว์เลี้ยงทำให้ชีวิตของคนเหล่านั้นดีขึ้น การอยู่ด้วยกันของสามีและภรรยา แต่ไม่มีบุตรของตัวเอง และการครองชีวิตโสดของคนยุคใหม่ และการขยายตัวของเมืองล้วนเป็นปัจจัยให้คนอยากเลี้ยงสัตว์ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยงยังเติบโตอีกมาก ทั้งในส่วนของเพทแคร์และอาหารสัตว์ก็เติบโตมากขึ้น ไม่ได้ซบเซาไปตามหลายธุรกิจ

หากย้อนไปในอดีตผู้คนอาจจะมองว่าการเลี้ยงสัตว์สักตัว อาจจะยุ่งยาก และสัตว์เหล่านั้นอาจจะเสียชีวิตง่าย จึงทำให้บางคนอาจไม่คิดจะมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง แต่ในยุคนี้ต้องบอกว่าทั้งในส่วนวิทยาการทางการแพทย์และอาหารของสัตว์เลี้ยงต่างๆ ได้ถูกพัฒนามาอย่างดี ทำให้สัตว์มีอายุยืนยาวมากขึ้น คนเลยอยากเลี้ยงสัตว์มากขึ้น อาทิ กระต่าย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 7-10 ปี ก็เพิ่มมาเป็น 10-15 ปี และแน่นอนว่าการมีสัตว์เลี้ยงทำให้ชีวิตคนดีขึ้นมาก เพราะช่วยเยียวยาจิตใจพวกเขา เวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยงทำให้คุณภาพชีวิตของหลายๆ คนดีขึ้น

สำหรับ โรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ ในช่วงของการเริ่มต้น ตอนนั้นส่วนตัวอยากมีโรงพยาบาลสำหรับสัตว์พิเศษที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยากรักษาสัตว์ทุกประเภทอย่างเท่าเทียมกัน และสัตว์พิเศษเหล่านี้ก็เป็นสัตว์อีกประเภทที่ต้องการรักษาและดูแลเช่นเดียวกัน โดยในช่วงของการเปิดให้บริการแรกๆ ตอนนั้นมีเคสเข้ามาหา 40 ตัว นับว่าค่อนข้างเยอะ จากห้องแถวบริเวณพุทธมณฑลสาย 2 มีทีมแพทย์กว่า 10 ท่าน ทำให้มีการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่ก็พบว่าพื้นที่การใช้สอยต่างๆ เริ่มเต็ม เนื่องจากสถานที่คับแคบ จึงได้ย้ายที่ใหม่มาเพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยถูกออกแบบเพื่อรองรับสัตว์พิเศษ มีพื้นที่ใช้สอย 1,000 ตารางเมตร สามารถเพิ่มการบริการและทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น มีห้องตรวจ 7 ห้อง มีห้องผ่าตัดที่ใหญ่ขึ้น สามารถจัดตั้งหน่วยรังสีวินิจฉัย และอัลตราซาวด์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษโดยเฉพาะ ทำให้วินิจฉัยโรคของสัตว์ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้สัตว์หายดีและกลับไปหาเจ้าของได้เร็วยิ่งขึ้น

ล่าสุดกับการจับมือกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาจากความต้องการที่ตรงกันคือ ต้องการให้การดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงพิเศษมีคุณภาพมากขึ้น และพัฒนายกระดับวงการสัตวแพทย์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเสริมจุดแข็งกันและกัน พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Know how หรือ Knowledge ที่แต่ละโรงพยาบาลสัตว์ถนัด โดยทางโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ หรือ Exotic pet ส่วนโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีความพร้อมในด้านของเครื่องมือที่ทันสมัย และบุคลากรทางการแพทย์ครบครัน อีกทั้งเนื่องจากในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในแทบไม่มีโรงพยาบาลสัตว์ที่รักษาสัตว์เลี้ยงพิเศษ ดังนั้นการเปิดสาขาใหม่ บริการดูแลสัตว์เลี้ยงพิเศษ บนทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองในครั้งนี้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงพิเศษ ให้เข้าถึงการรักษาได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันยังพบว่า ปัจจุบันเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เอ็กโซติก (Exotic Pet) หรือสัตว์แปลกนั้นนับได้ว่ามีความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในสัตว์กลุ่มกระต่าย และสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูเควี่ ชินชิล่า และอื่นๆ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มที่มีคนเลี้ยงมากสุด เช่นเดียวกับนกชนิดต่างๆ ที่ปัจจุบันเทรนด์ในการเลี้ยงที่ปล่อยบินอิสระเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้ขังในกรงเหมือนแต่ก่อน จะเห็นได้ว่าการเลี้ยงสัตว์สมัยนี้ไม่ได้จำกัดแค่สุนัขและแมว และการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษเหล่านี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากการดูแลสมาชิกในครอบครัว

โดยเทรนด์ดังกล่าวเป็น “รสนิยม” ส่วนตัว เพราะสัตว์บางประเภทก็ไม่ใช่สัตว์ที่แปลกแบบสุดขั้วเพียงอย่างเดียว แต่กลับเป็นสัตว์น่ารักตัวเล็กที่คนส่วนใหญ่นิยมเลี้ยง โดยเฉพาะในกลุ่มนก เต่า หรือปลา เช่นเดียวกับกลุ่มกระต่าย และสัตว์ฟันแทะ ทั้งหนูชนิดต่างๆ และกระรอก ซึ่งจะมีทั้งสัตว์ที่มีอยู่ในท้องถิ่นหรือเป็นสัตว์แปลกสวยงามที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และเจ้าของสัตว์เลี้ยงพิเศษมักนิยมเลี้ยงสัตว์เหล่านี้แบบลูกรัก ตั้งชื่อน่ารัก และพาไปไหนมาไหนด้วย

จากข้อมูลการสำรวจเกี่ยวกับ “การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นลูกของคนยุคใหม่” สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างคนไทยจำนวน 1,046 คน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเจเนอเรชั่น Y ที่มีอายุระหว่าง 24-41 ปี ของ CMMU เกี่ยวกับประเภทสัตว์เลี้ยงที่คนไทยในกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมเลี้ยง จากการสำรวจพบว่า นอกจากสุนัขและแมว คนไทยยังนิยมเลี้ยงสัตว์ “เอ็กโซติก” (Exotic Pet) หรือสัตว์แปลก ตามมาเป็นอันดับ 3 อีกด้วย

สัตวแพทย์หญิงกฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เปิดเผยว่า การเปิดสาขาใหม่บริการดูแลสัตว์เลี้ยงพิเศษแห่งนี้ นับว่าเป็นการเดินหน้าวิสัยทัศน์องค์กรมุ่งตอบสนองความต้องการของเจ้าของและสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เพื่อดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงในทุกๆ มิติ ไม่ใช่เพียงแค่สุนัขและแมวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงพิเศษชนิดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสัตว์อันดับ 1 ของประเทศไทย และโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการรักษาสัตว์เลี้ยงพิเศษ (Exotic pet) ในการเปิดตัวสาขาใหม่ ดูแลสัตว์เลี้ยงพิเศษ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงพิเศษให้ได้รับการดูแลวินิจฉัย และได้รับการรักษาที่ดีในระยะทางที่ใกล้ขึ้น

โดยในปี 2567 ยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการดูแลสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง โดยตั้งเป้าให้โรงพยาบาลสัตว์ภายใต้แบรนด์ทองหล่อเป็นศูนย์รับส่งต่อสัตว์ป่วย (Referral center) ให้กับโรงพยาบาลสัตว์พันธมิตรบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้สัตว์เลี้ยงในทุกพื้นที่ได้รับการดูแลและรักษาโรคซับซ้อนหรือฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีการจับมือกับโรงพยาบาลสัตว์พันธมิตร โดยทำการควบรวมกิจการหรือพันธมิตรทางธุรกิจ ใช้จุดแข็งต่างๆ ของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อร่วมกันไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลากร จัดซื้อ การเงิน บัญชี และไอที ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายไว้ 25-30 ที่ ภายใน 3 ปี ทั้งหมดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดูแลสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง รวมถึงยกระดับวิชาชีพสัตวแพทย์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นในการเข้ารับบริการของเจ้าของและสัตว์เลี้ยงที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อทุกสาขา และโรงพยาบาลสัตว์ในเครือเป็นการยกระดับคุณภาพการรักษาและวิชาชีพสัตวแพทย์

ก่อนหน้านี้ อาร์เอส กรุ๊ป เองก็ยังจัดตั้ง บริษัท อาร์เอส เพ็ท ออล จำกัด (RS pet all) เพื่อลงทุนในธุรกิจสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร (Petconomy) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อถือหุ้น 51% ใน บริษัท ฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ จำกัด (Hato Pet Wellness Center) ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงครบวงจร และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมการป้องกันดูแลและส่งเสริมให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรงชั้นนำของประเทศไทย หรือ Preventive Program โดยล่าสุด นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ยังพาน้องแบงเกอร์ สุนัขตัวโปรด ร่วมชมร้าน “PET ALL MY LOVE” ภายใต้ RS pet all (อาร์เอส เพ็ท ออล) ในเครืออาร์เอส กรุ๊ป ณ 81 Badminton Hall ถนนเจริญราษฎร์ ภายใต้คอนเซปต์ Love-Centric Experience ซึ่งเป็นเพ็ทรีเทลสาขาแรกที่รวบรวมสินค้าคุณภาพของแท้ 100% จากทั่วทุกมุมโลก ในราคาที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ โดยในสาขานี้ยังออกแบบให้ทุกโซนในร้านเป็นมิตรและปลอดภัยกับผู้คนและสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริงอีกด้วย. 

เพิ่มเพื่อน