ไฮเออร์ จ่อนำเข้าแบรนด์ใหม่ 'คาซาเต้' เจาะไฮเอนด์ ตอกย้ำแนวคิด Haier Inspired Living

17 ม.ค. 2565 – นายธเนศร์  บินอาซัน  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล  แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้การออกมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ช่วยส่งเสริมยอดขายในธุรกิจ และมีการจับจ่ายมากกว่าช่วงปกติ โดยคาดการณ์ว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าน่าจะเติบโต 3-4% เพราะสินค้ายังเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากมีอายุการใช้งาน และต้องเปลี่ยนของใหม่ คุณสมบัติใหม่ที่มากขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคอยากเปลี่ยนของใหม่ที่ดีกว่าเดิม แม้ว่าจะมีอัตราเงินเฟ้อเกิดขึ้น แต่ภาครัฐน่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และมาตรการรัฐต่างๆ ที่กำลังจะออกมานั้น ก็จะสนับสนุนให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตได้อยู่

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มไฮเอนด์ให้มากขึ้น โดยเบื้องต้นจะเป็นการนำเข้าแบรนด์ใหม่จากประเทศจีนชื่อว่า “คาซาเต้” (Casarte) ประมาณช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 นี้ อาทิ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เป็นต้น ซึ่งจะเป็นสินค้าคุณภาพลมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งผ่านมานั้นบริษัททำตลาดผ่านแบรนด์ไฮเออร์ ที่จะเน้นกลุ่มกลางและบน ส่วนแบรนด์แคนดี้จะเป็นการเจาะผู้บริโภคระดับกลางและล่างเป็นหลัก

“ตอนนี้บริษัทแม่มองว่าประเทศไทยเป็นโมเดลสำคัญกับบริษัทแม่ จะเห็นได้ว่ามีการนำเข้าแบรนด์ที่หลากหลายมากขึ้น ในต่างประเทศมองว่ามีแค่ประเทศเดียวไทยที่ทำแบรนด์แคนดี้ และจะเป็นบริษัทที่นำเข้าแบรนด์คาซาเต้ด้วย บริษัทแม่ให้ความไว้วางใจประเทศไทย เพราะว่าองค์กรภายในของบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี มีการลงทุนเรื่องงานขายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างดีเยี่ยม”  นายธเนศร์  กล่าว  

อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าต้นทุนการผลิตเป็นปัญหาไม่ใช่แค่บริษัทเดียว แต่เป็นทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องค่าขนส่ง ค่าระวางเรือ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ การนำเข้าจะได้รับผลกระทบ แต่ผลิตในประเทศก็ยังมีต้นทุนที่สามารถประคองได้ โดยในส่วนของบริษัทเองก็มีทั้งการนำเข้าและผลิตในประเทศ บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาและบริหารต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้มีผลต่อการขึ้นราคาสินค้า  

ทั้งนี้ จากการที่แบรนด์ไฮเออร์ ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านสื่อสังคมออนไลน์(Social Media) และพบความต้องการเชิงลึก(Insight) ต่างๆ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer centric) ทำให้นำมาพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการนำมาต่อยอดการสื่อสารการตลาด โดยไตรมาส 1 มีไฮไลท์สำคัญคือการมุ่งตอกย้ำแนวคิด “Haier Inspired Living” หรือ การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา” พร้อมวางเป้าหมายในการผลักดันไฮเออร์สู่การเป็นคำตอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของทุกคน

“การเพิ่มงบตลาด เพราะไฮเออร์มีความมั่นใจในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยยังขยายตัวได้ ประกอบกับแบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าและบริการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ตรงใจ จะเป็นส่วนสำคัญทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในปี 2565” นายธเนศร์   กล่าว

อย่างไรก็ดี การสร้างสรรค์โฆษณาได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.โฆษณาทางโทรทัศน์(TVC) นำเสนอในคอนเซ็ปต์ Level up ยกระดับคุณภาพชีวิตของคุณด้วยไฮเออร์ ซึ่งบริษัทมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชาญฉลาด(Smart life) มีความสะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอย่างง่ายดาย(IoT) และสมาร์ทโฮม 2.สร้างสรรค์วิดีโอ เพื่อนำเสนอบนโลกออนไลน์ 2 ซีรี่ส์ ได้แก่ Haier Spy และ Haier Better than Yesterday ที่ต้องการพรีเซนต์แบรนด์ Identity และฟังก์ชันหลักของสินค้าไฮเออร์ เพราะการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน และมักจะมองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่เสมอเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น และมีความสุขมากยิ่งขึ้น ให้ Haier เป็นคำตอบของบ้านคุณ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชี้เป้าไอเดียของขวัญปีใหม่ยุครักษ์โลก

เทศกาลปีใหม่นับเป็นช่วงเวลาดี ๆ ของการเริ่มต้นใหม่และรับสิ่งดี ๆ ตั้งแต่ต้นปี หลายคนจึงกำลังมองหาของขวัญของฝากสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้

'MONO NEXT' บริจาคขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสากล

คุณปิติฤดี ศิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกำกับดูแลและสื่อสารองค์กร และ คุณกิตติศักดิ์ พุกเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกกิจกรรมเพื่อสังคมและสื่อสารภายในองค์กร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนผู้บริหารและพนักงานบริษัทในเครือ ร่วมส่งมอบคอมพิวเตอร์เก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ และอุปกรณ์สำนักงานเบ็ดเตล็ดรวมกว่า 350 ชิ้น ให้แก่ “สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล”

พาณิชย์สั่งดูแล 'ราคาสินค้า' ห้ามเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับขึ้น 'กกร.' เพิ่มไก่เป็นสินค้าควบคุม

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกรรมการกลางว่าด้วย ราคาสินค้า และบริการ (กกร.) ครั้งที่ 2/2565