
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจความพร้อมการรับมือสังคมผู้สูงอายุของไต้หวัน พบรัฐบาลให้ความสำคัญ และล่าสุดอนุมัติโครงการ Long-term care 3.0 รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ชี้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะขายสินค้าอาหาร ไลฟ์สไตล์ บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และเข้าไปลงทุนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
15 เม.ย. 2568 – นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ส่วนที่ 2 ถึงการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไต้หวัน ผ่านโครงการ Long-term care 3.0 รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าและบริการของไทย ทั้งสินค้าอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ รวมไปจนถึง Medical Tourism เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุชาวไต้หวัน
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์รายงานข้อมูลว่า ไต้หวันก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด” ในปี 2568 ซึ่งหมายความว่าหนึ่งในห้าของประชากรจะมีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้เตรียมความพร้อมรับมือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาโดยตลอด และดำเนินการตามโครงการดูและระยะยาว 2.0 มาตั้งแต่ปี 2559
โดยใช้งบประมาณรวมประมาณ 2,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไต้หวันสามารถขยายจำนวนสถานดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 720 แห่งเมื่อ 9 ปีก่อน เป็น 15,000 แห่ง ในปัจจุบัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 รัฐบาลไต้หวันได้อนุมัติและเตรียมดำเนินโครงการดูแลระยะยาว 3.0 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ 2.0 ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงระบบดูแลผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีแนวทางหลัก 5 ประการ ได้แก่ 1.เพิ่มการเข้าถึงบริการ ตั้งเป้าหมายให้ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงสถานดูแลได้ภายในเวลาขับรถไม่เกิน 10 นาทีจากทุกครัวเรือน 2.ลดระยะเวลารอคอยของผู้ป่วยนอกให้เหลือเพียงไม่เกิน 0 วัน และเชื่อมโยงบริการดูแลระยะยาวกับระบบโรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้ การจัดเตรียมพื้นที่สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการรับบริการดูแลระยะยาวจะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ผู้ป่วยจะออกจากโรงพยาบาล 3.ขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยกลุ่มที่มีสิทธิ์รับบริการรวมถึง ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ชาวพื้นเมืองที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีภาวะทุพพลภาพ และกลุ่มคนหนุ่มสาว
ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง 4.บูรณาการระบบการดูแล โดยเชื่อมโยงบริการทางการแพทย์และการดูแลระยะยาว เช่น การแพทย์ทางไกล และการดูแลแบบประคับประคอง และจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างระบบกาแพทย์และระบบดูแลระยะยาว และ 5.นำ AI และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแล
โดยโครงการนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละชุมชน รวมถึงชนเผ่าพื้นเมืองและพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งยังมีการขยายขีดความสามารถในการให้บริการของศูนย์ดูแลในช่วงเวลากลางวัน เพิ่มบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ และเสริมสร้างศูนย์บริการขนาดเล็กที่ให้บริการหลายฟังก์ชัน โดยรวมถึงการจัดหาบริการช่วงเวลากลางคืนและเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับที่พักชั่วคราว
นอกจากนี้ จะนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของชุมชน โดยจะส่งเสริมการใช้ AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแล และพัฒนาการสนับสนุนผู้ดูแลในครอบครัว ซึ่งโครงการดูแลระยะยาว 3.0 ถือเป็นแผนงานสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลในไต้หวัน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างสมบูรณ์ในปี 2571
“การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุถือเป็นความท้าทายสำหรับรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งหมายรวมถึงประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้จึงถือเป็นโอกาสในการทำตลาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลาดไต้หวันถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับสินค้าและบริการของไทย ทั้งสินค้าอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ รวมไปจนถึง Medical Tourism และในส่วนของการขยายสถานดูแลสำหรับผู้สูงอายุ ตามเป้าหมายของรัฐบาลไต้หวันนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาลงทุนในไต้หวัน โดยที่ผ่านมา เคยมีตัวอย่างความสำเร็จของศูนย์ดูแลจากญี่ปุ่น คือ กลุ่ม Genki Group ซึ่งมาลงทุนจัดตั้งสถานดูแลในเมืองไถหนาน ทางใต้ของเกาะไต้หวัน ทั้งในส่วนของ Day Care Center , Long Stay Center , สถานดูแลเต็มรูปแบบ และร้านขายสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ เมื่อปี 2555 ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ บริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวัน”นางสาวสุนันทากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“นภินทร” นำทัพพาณิชย์ลุยจีน ดันส่งออกทุเรียนไทย หลัง GACC ลดระดับตรวจเข้ม พร้อมลุยเจรจา ผู้ซื้อรายใหญ่ถึงเซี่ยงไฮ้-ฮาร์บิน 14-18 พ.ค. นี้
รมช.นภินทร นำทีมพาณิชย์เยือนเซี่ยงไฮ้ ฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 14-18 พฤษภาคม 2568 ติดตามสำรวจความพร้อมตลาดจีนในการรองรับฤดุกาลทุเรียนไทย
กมธ.เกษตรฯ บอกยังไม่น่าไว้วางใจแม้ขุนคลังมะกันชมข้อเสนอไทย
'กมธ.เกษตรฯ' เชิญ 'กษ.-พณ.' แจงแนวทางรับมือภาษีทรัมป์ บอกยังไม่วางใจขุนคลังมะกันชมข้อเสนอไทยดีมาก ชี้ต้องรอผลเจรจา แนะ รบ.เร่งวางแผนรับมือผลกระทบต่อเกษตรกร
รบ.ตีปี๊บตลาดวัสดุก่อสร้างคึกคักรับอานิสงส์รัฐเร่งลงทุน!
ตลาดวัสดุก่อสร้างคึกคักรับอานิสงส์รัฐเร่งลงทุน คาดการณ์ไตรมาส 2-4 ธุรกิจการก่อสร้างคึกคักรับเศรษฐกิจโต
‘พาณิชย์' ชี้เป้าไทยขายเฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งไปสาธารณรัฐเช็ก รับอสังหาริมทรัพย์บูม
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสาธารณรัฐเช็ก พบมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลเกิดความต้องการสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง ชี้เป็นโอกาสของไทยในการขยายตลาดส่งออก แนะเน้นสินค้าที่ใช้วัสดุ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กำหนดราคาให้ดึงดูดใจ มั่นใจแข่งขันได้แน่
พาณิชย์เอาจริงเดินหน้าผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ‘มวยไทย’ สู่ตลาดโลก
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าจุดกระแส Soft Power มวยไทย เตรียมลุยผลักดันส่งออกมวยไทย ผ่านการเปิดยิมในต่างประเทศ ดันส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย และผลักดันมวยไทยผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ เกม