ขสมก. เปิดร่าง TOR จัดหารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน วงเงิน 1.5 หมื่นล้าน

‘ขสมก.’ เปิดร่าง TOR จัดหารถโดยสารปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน ลั่นหากไม่มีข้อเสนอแนะ เดินหน้าเปิดประมูล ต.ค.นี้ คาดทยอยส่งมอบรถเมล์ใหม่ได้ต้นปีหน้า หวังยกระดับบริการรถโดยสารสาธารณะ

22 ก.ย. 2568 – นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยภายหลังเปิดร่างเอกสารกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR)บนเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา วันที่สิ้นสุด รับฟังคำวิจารณ์ วันที่ 26 ก.ย.นี้ ราคากลาง  15,301,380,000 บาท โดยโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) จำนวน 1,520 คัน มูลค่าโครงการรวม 15,355 ล้านบาท  ขสมก. จะใช้เวลาจัดทำขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ร่าง TOR เป็นเวลา 5 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้สนใจได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

 ทั้งนี้ หากไม่มีข้อวิจารณ์ที่เป็นสาระสำคัญ ขสมก. จะสามารถเดินหน้าประกาศประกวดราคาได้ทันที คาดว่าจะสามารถประมูลได้ภายในเดือน ต.ค. 2568 และเริ่มส่งมอบรถได้ปลายปี 2569 โดยในส่วนของวงเงินและกรอบการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนเดิมที่ 15,355 ล้านบาท ส่วนกำหนดการส่งมอบรถเมล์ใหม่คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้ามาให้บริการได้ประมาณปลายปีนี้ถึงตุลาคมปีหน้า โดยตั้งเป้าหมายที่จะได้รับรถครบทั้งหมดภายในปี 2570 เพื่อทดแทนรถเมล์เก่าที่มีอายุการใช้งานกว่า 30 ปี โครงการนี้เป็นการเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานสะอาดพร้อมระบบอัดประจุไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 7 ปี นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการตรวจรับรถ

สำหรับคุณสมบัติของรถเมล์ EV ที่จะนำมาใช้งาน จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้าพื้นต่ำ (Low Floor) ที่มีความยาวไม่ต่ำกว่า 10.5 เมตร กว้างไม่น้อยกว่า 2.55 เมตร และสูงไม่น้อยกว่า 3.35 เมตร ด้านสมรรถนะ รถจะต้องวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมีความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนการส่งมอบรถจะแบ่งเป็น 3 งวด ได้แก่ งวดที่ 1 จำนวน 500 คัน ภายใน 180 วัน, งวดที่ 2 จำนวน 500 คัน ภายใน 270 วัน และงวดสุดท้าย 520 คัน ภายใน 360 วัน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีคุณสมบัติที่น่าเชื่อถือ โดยต้องมีผลงานการให้เช่ารถในสัญญาเดียวมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท และมีรายได้ต่อปีในธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขสมก. เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง TOR นี้จนถึงวันที่ 26 กันยายน 2568 และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในเดือนตุลาคม 2568 เพื่อให้โครงการนี้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ใช้บริการรถสาธารณะต่อไป

นอกจากนี้ ผู้จัดหาจะต้องจัดหารถโดยสารที่ใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ(Local Content)ในการประกอบรถโดยสารไม่น้อยกว่า 40% และส่งมอบรถโดยสารในแต่ละงวด การส่งมอบให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา ส่วนกรณีที่ไม่สามารถส่งมอบรถโดยสารพร้อมให้บริการ นวนรถโดยสารส่งมอบรายวันน้อยกว่า 90% ของจำนวนรถโดยสารทั้งหมดผู้ยื่นจะต้องชดเชยความเสียหายจากการขาดรายได้ค่าโดยสารจำนวน 10,000 บาทต่อคันต่อวันและจำนวนรถโดยสารส่งมอบรายเดือนเฉลี่ยน้อยกว่า  95% ของจำนวนรถโดยสารทั้งหมดผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องชดเชยความเสียหายจากการขาดรายได้ค่าโดยสารจำนวน 10,000 บาทต่อคันต่อวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัทเอกชนขสมก.ได้สอบถามความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการนี้ จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไทย สบายล์ บัส จำกัด 3.บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด 4.บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด 5.บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด 6.บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด 7.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด 9.บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)10.บริษัท อรุณ พลัส จำกัด และ 11.บริษัท เฟิร์ส ทรานสปอร์ต จำกัด

เพิ่มเพื่อน