'โออาร์' ทุ่มลงทุน 10 ปี 2 แสนล. เล็งธุรกิจรถอีวีจ่อเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้า 7,000 แห่ง

OR ทุ่มลงทุน 10 ปี 2 แสนล. ตั้งเป้าอีบิทดา 4 หมื่นล. พร้อมโชว์ 4 พันธกิจใหม่เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต พร้อมต่อยอดธุรกิจใหม่ ร่วมมือพาทเนอร์ชิป และลุยลงทุนต่างประเทศ พร้อมดูแลเคียงข้างผู้คน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

1 มี.ค. 2565 – น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่และทิศทางการดำเนินธุรกิจของ OR ว่าโออาร์เตรียมงบประมาณลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งตั้งเป้าหมายปี 2573 จะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม(อีบิทดา) มากกว่า 40,000 ล้านบาท โดยกว่า 50% มาจากการเติบโตร่วมกับพันธมิตร ตามเป้าหมายผลักดันให้เกิดกลไกการขับเคลื่อนผ่านการมีส่วนร่วมที่จะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันทั้งระบบนิเวศของโออาร์ได้

ทั้งนี้โออาร์ได้ปรับทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในการสร้างการเติบโตของธุรกิจควบคู่กับการเติบโตของผู้คนและสิ่งแวดล้อม และได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ ที่มีพันธกิจ 4 ด้านในปี 2573 คือ 1.ต่อยอดแะพัฒนาธุรกิจด้านน้ำมันและการขับเคลื่อนที่ไร้รอยต่อ ผ่านการเปลี่ยนถ่ายกิจการพลังงานที่ปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) มากขึ้นซึ่งโออาร์เองก็มีเป้าหมายจะพัฒนาสถานีให้บริการชาร์จไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 7,000 แห่ง รวมถึงพัฒนาความพร้อมของศูนย์บริการยานยนต์ครบวงจร FiT Auto ให้ทีความสามารถในการซ่อมและดูแลรถอีวีได้ครบถ้วน 2.ด้านไลฟ์สไตล์ โดยจะมีการพัฒราร่วมกับพาทเนอร์ชิป ให้เป็นโมเดลธุรกิจโดยอนาคตตั้งเป้าจะมีธุรกิจจากการร่วมมือกับพาทเนอร์มากกว่า 50% และพัฒนาโมเดลที่คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาใช้บริการกว่า 1.4 ล้านรายต่อวัน
3.แผนการลงทุนและร่วมมือในต่างประเทศ ซึ่ง OR ตั้งเป้าขยายการลงทุนและตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 2573 จะมีบริษัทร่วมลงทุนกับกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นของต่างประเทศร่วมกันกว่า 20 แบรนด์ และ 4.ตั้งเป้าจะใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีพัฒนาธุรกิจของบริษัท รวมถึงใช้แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและควาทเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันด้วยซึ่งครอบคลุมทั้งในพื้นที่ที่ OR ดำเนินธุรกิจและชุมชนรอบพื้นที่ธุรกิจ มากกว่า 15,000 ชุมชน หรือกว่า 12 ล้านชีวิต รวมทั้งตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593

“การเติบโตรูปแบบใหม่ของโออาร์จะเป็นการเติบโตแบบการเข้าไปร่วมมือกับธุรกิจที่สร้างจากพันธมิตรภายนอก สนับสนุนกันและกันผ่านการใช้สินทรัพย์ของโออาร์ที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ ทางดิจิตอล ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจให้เติบโต เช่น การบริหารงานแบบมืออาชีพ ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด การขยายฐานลูกค้า และการต่อยอดความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ของโออาร์ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง หรือธุรกิจที่ต้องการการสนับสนุน”น.ส.จิราพร กล่าว

นอกจากนี้ โออาร์พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และสามารถเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน ตอบโจทย์การชีวิตในทุกรูปแบบ ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญโออาร์จะไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจที่มุ่งเน้นแสวงหากำไร แต่ยังเป็นอีกเสาหลักของสังคมที่ไม่ได้มองว่าผู้คนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ แต่ล้วนเป็นชีวิตที่เราอยากให้เติบโตไปด้วยกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โออาร์-บางจากปรับราคาเบนซิน 40 สตางค์/ลิตร

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ได้มีการประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์/ลิตร

OR โชว์กำไรไตรมาส 1 แตะ 2,975 ล้านบาท

OR เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,719 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 100% จากไตรมาสก่อน มุ่งเดินหน้าขยายและสร้างความแข็งแกร่งของ Business Value Chain ของทุกกลุ่มธุรกิจ ขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติจริง (OR in Action) ผ่านการประสานธุรกิจพลังงานและธุรกิจค้าปลีกด้วยแนวคิด SDG ตามแบบของ OR หรือ OR SDG เพื่อมุ่งตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ

โออาร์-บางจาก ตรึงราคาขายน้ำมันรับสงกรานต์

โออาร์ - บางจากฯ ร่วมเติมเต็มความสุขช่วงสงกรานต์ ไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมัน 7 วัน ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาล พร้อมอัดโปรโมชั้นต้อนรับนักเดินทางทั่วประเทศ

รีบเติม ‘โออาร์-บางจาก’ ขึ้นราคาเบนซิน 60 สตางค์/ลิตร

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ได้มีการประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 60 สตางค์/ลิตร

เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ตั้งซีอีโอหญิงคนแรกในรอบ 140 ปี เตรียมแผนลงทุน 6 หมื่นล้าน

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (“BJC”) ประกาศแต่งตั้ง คุณฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทฯ ซึ่งการขึ้นดำรงตำแหน่งครั้งนี้ของ คุณฐาปณี นับเป็นการแต่งตั้งผู้บริหารหญิงคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดของ BJC ในรอบ 140 ปี